เมื่อเราจะเดินทางไกล ๆ ก็มันจะเดินทางโดยเครื่องบิน นั่นจึงเป็นขั้นตอนของการจองตั๋วเครื่องบิน
ครอบครัวเราจะเดินทางไปท่องเีืที่ยวยังประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 19-31 มีนาคม 2556
เราเลือกใช้สายการบินไทย ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงินต่าง ๆ ให้หมุนเวียนอยู่ในเมืองไทย (จะได้ไม่หลั่งไหลออกนอกประเทศ)
ดังนั้น เราจึงต้องไปดำเนินการเรื่องจองที่นั่งกันที่ "สยามพารากอน" จริงแล้วสยามพารากอนครอบครัวของกระผมก็แค่ "ผ่าน" เท่านั้น ไม่ได้ไปเผากับเขานะ ก็ไม่รู้จะเผาบ้านเผาเมืองทำไม
เราเิดินทางออกจากระยองตอนเช้า ๆ โดยนำรถไปจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ (นี่ก็ไม่ไ้้่ด้ไปจอดที่สนามบินนะ เป็นสถานที่จอดรถ งั้นเดี๋ยวขวางเส้นทางบินเขา)
แล้วขึ้นรถไฟฟ้าเข้าเมืองไป ซึ่งเป็นความสะดวกอีกแบบ แต่ก็ต้องจ่ายค่าความสะดวกนั้นเพื่อแลกเปลี่ยนกัน
ในขณะที่เดินทางไปยัง "สยามพารากอน" นั้นก็ได้ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่รอบด้านภายในกรุงเทพมหานครได้อย่างสบายอก สบายใจในมุมสูง
เป็นการยากถ้าขับรถแล้วจะมองมุมสูงให้เห็นได้ตลอดเวลา การขึ้นรถไฟฟ้านี่แหละจะสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ในมุมสูงดียิ่งขึ้น
คนที่นำทางไปนั้นคือ "คุณแม่อ้อย" ค่ะ นำทางได้เสมือนว่าเป็นคน "กรุงเตพ" เลย (กระผมไม่อยากบอกที่มานะ)
เรื่องสถานที่ว่าจะไปที่ใดที่ไหนนั้น "เจ๊อ้อย" จะเป็นคนหาเส้นทางให้ ผมเพียงตั้ง "GPS" นำทางไปเท่านั้นก็จะถึงจุดหมายเอง
ไม่ยากครับ ถ้าเราศึกษาเส้นทางให้ละเอียดก่อนเดินทาง ทำให้เราสามารถกำหนดเป้าหมายได้ทั้งเวลาที่จะถึง และเส้นทางที่จะเดินทางไป
ครั้งนี้เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ คือ A-380 เป็นเครื่องบินที่มีความจุตามปกติถึง 800 ที่นั่ง เพียงแต่สายการบินไทยลดจำนวนที่นั่งลงเหลือไม่น่าเกิน 500 ที่นั่ง (จะดูข้อมูลเพิ่มเติม)
เรียกว่าเอาใจคนที่จะใช้บริการชั้น 1 และ ชั้น 2 โดยทำสถานที่ให้ "กว้าง" ขึ้นกว่าที่ควรเป็น แต่...ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับพื้นที่ที่ไ้ด้เพิ่มมา (คงไม่มีของฟรีให้แน่ ๆ)
เครื่องบินขนาด A-380 นั้นไม่ใช่การบินไทยมีใช้ประเทศแรก มีใช้มาหลายปีแล้ว
ซึ่งเมื่อสองปีก่อน ครอบครัวอยู่เย็นได้ใช้บริการเครื่องบินขนาด A-380 นี้โดยไปท่องเที่ยวที่ประเทศฮ่องกง+มาเก๊า ซึ่งเป็นสายการบินของ "อาหรับเอมิเรสต์"
ท่านสามารถติดตามเรื่องราวนั้นได้ตามนี้ครับ <iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/OdSyIPXsEf8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
สายการบินในโลกนี้มีสองเจ้าใหญ่ที่แข่งขันกัน คือ ค่าย A กับค่าย โบอิ้ง ... โดยค่าย "โบอิ้ง" จะมีเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่สุดในปัจจุบัน (ปี 2556) คือ โบอิ้ง 747 ก็บรรทุกผู้โดยสารไ้ด้ตามตัวเลขที่ปรากฏคือ 747 ที่นั่ง
เครื่องบิน A-380 เป็นชนิด 2 ชั้น ถ้ามองด้านข้างจะเป็นที่นั่งสองแถวแยกเป็นสองชั้น คล้าย ๆ รถบัสสองชั้นเลย
ภายในชั้นล่างจะแยกที่นั่งเป็นสองแถว คือ 3-4-3 เมื่อเข้าไปภายในเครื่องบินแล้วจะรู้สึก "โอ่โถง" มาก ปีกแต่ละข้างจะยางประมาณ 50 ม. ได้ (นี่ไม่ใช่สเป็กจริงนะ ผมแค่ประมาณ)
วันที่ไปจองตั๋วเครื่องบินนั้น มันเป็น "โปรโมชั่น" แรก ๆ เลย คือโปรโมชั่นนั้นเป็นการ "ลดราคา" เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยว หรือจะต้องมีคนมาซื้อตั๋วเครื่องบินฉั้นแน่ ๆ ว่างั้นเถอะ
ราคาที่นำเสนอขายนั้นจะต่ำกว่าราคาปกติอยู่เกือบครึ่ง นั่นเพราะคล้าย "โยนหินถามทาง" โดยถ้าเปิดขายราคาต่ำแล้วยังไม่มีคนมาซื้อตั๋วบินอีกล่ะก็ "แย่แน่ ๆ"
สำหรับ..สามแม่ลูกนี้ "ชอบมาก" กับสายการบินไทย เพราะเป็นสายการบินของคนไทยกันเอง
แหละสายการบินไทยนั้นถือว่า "บริการบนเครื่องบิน" ได้สุดยอดมาก ติดอันดับต้น ๆ หรือบางปีก็อันดับหนึ่งเลยเชียว
ค่าบริการเดินทางนั้นเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่..การบริการจะเป็นปัจจัยหลักในปัจจุบัน สายการบินใดที่การบริการไม่ค่อยดี ก็จะลดราคาเพื่อแข่งขันกับสายการบินอื่น ๆ ไม่งั้น ...ซี้แหง..แก๋
ผู้คนที่ไปซื้อบัตรซื้อตั๋วการบินไทยวันนั้นมีเยอะมาก การบินไทยเปิดจองตั๋วบินหลายวันแล้วแหละ เพียงแต่เราว่างที่จะไปจองตั๋วบินวันนี้เท่านั้น
เมื่อไปถึงสถานที่เขาบอกว่า ..สามารถจ่ายตั๋วบินที่สาขาพัทยาก็ได้ เพียงแต่เราสมัครใจไปจ่ายที่สยามพารากอน เพราะจะเ้ข้าไปชมสิ่งของในห้างนั้นด้วย
สำหรับ "น้องนนท์ นั้นตื่นเต้นกับการที่จะได้นั่งเครื่องบินลำใหญ่ที่เป็นของสายการบินไทยเป็นอย่างยิ่ง
น้องนนท์และน้องนิ้ง..พูดว่า มันจะเหมือนกับของ "อาหรับเอมิเรตส์" มั้ยน้อ อยากจะนั่งให้เร็ว ๆ เสียเหลือเกินแล้วเนี๊ยะ
บริเวณที่ซื้อตั๋วเครื่องบินจะมีจัดเป็นสถานที่นั่งของผู้โดยสารชั้นหนึ่งไว้อยู่หนึ่งที่นั่ง เพื่อให้ผู้โดยสายได้ลองสัมผัสกับสถานที่จริงว่า
ถ้าท่านซื้อบริการชั้นหนึ่งนั้นท่านจะได้ที่นั่งแบบนี้ ..จะสะดวกสบายแบบนี้ โดยที่นั่งชั้นหนึ่งนั้นจะ "โอ่โถงมาก" ค่าบริการก็จะสูงกว่าชั้นประหยัดประมาณ 3 เท่าตัว
สายการบินไทยนั้นมีข้อดีคือ..บริการตลอดเสริฟอาหารและเครื่องดื่มตลอดเวลา จนกว่าท่านจะบอกว่า "พอแล้วครับ..ค่ะ"
นี่คือความประทับใจของสายการบินไทยที่ติดอันดับการบริการแนวหน้า เท่าที่สังเกตุดูนั้นในเรื่องการบริการจะดีมาก ๆ แต่องค์การภายในของคนไทยจะไม่ค่อยเท่าไรเลย

อย่างเช่นการบินขึ้นหรือลงใน ระดับหรือขั้นของเครื่องบินจะต้องแม่นในเรื่องเวลา แต่สำหรับการบินไทยที่บินในประเทศไทยจะไม่ค่อยตรงเวลา
เพราะเขาคิดว่าตรงเวลาก็เท่านั้น แต่ถ้าไปบินกับสนามบินต่างประเทศเขาก็จะตรงเวลา
ป้ายที่โชว์ว่า "A-380" นั้นผมว่า ..เด่นมาก ๆ.. อาจจะด้วยสีที่ใช้เป็น "สีม่วง" ที่สีประจำการบินไทย จึงทำให้สีนี้ตัดกับสีอื่นได้แบบสดใสมากเลย
เครื่องบิน A-380 ใช้เครื่องยนต์จำนวน 4 ตัว ถ้าเป็นเครื่องบินรุ่นก่อนนั้นจะใช้เครื่องยนต์จำนวน 2 ตัว เหตุที่ใช้เครื่องยนต์ถึง 4 ตัว นั้นก็เพราะน้ำหนักที่มากขึ้น (มีจำนวนโดยสารสองชั้น) ขนาดตัวเครื่องบินใหญ่ขึ้น (หน้าตัดมาก) ดังนั้นจึงต้องใช้ "ม้า" มาลากเยอะขึ้น
ส่วนเครื่องบินที่มีการนั่งเพียงชั้นเดียวก็จะใช้เครื่องยนต์เพียง 2 ตัวเท่านั้น ถ้าเปรีียบเทียบเรื่องความเร็วก็คือ..ใกล้เคียงกัน โดยจะบินความเร็วประมาณ 1,000 กม./ชม.
เหตุใดถึงต้องทำให้บรรจุผู้โดยสารให้เยอะขึ้นล่ะ ก็จะได้ "ลดต้นทุน" ไง โดยบรรทุกได้คราวละเยอะ ๆ การใช้เชื้อเพลิงของเครื่องบินจะไม่ใช่แบบเทียบเท่ากัน จึงทำให้ลดต้นทุนได้
มุมมองบินเครื่องบินนั้นจะสวยถ้าบินตอนกลางวัน โดยที่แสงไม่ส่องเข้าเครื่องเป็นแนวนอนนะ ถ้าแสงแดดส่องในแนวนอนจะสว่างมาก แต่ที่กระจกจะมีม่านให้ดึงลงมาเพื่อบังแดดได้
และยิ่งบินเหนือเมฆด้วยนะ ภาพที่เห็นจะประทับตาประทับใจเป็นอย่างมาก และจะให้แจ๋วต้องนั่งริมหน้าต่างด้วยนะจ๊ะ ถ้านั่งตรงกลางก็นั่งหลับรอได้เลย
ฉะนั้น..ถ้าอยากได้มุมที่สวย ๆ และให้ตื่นเต้นประทับใจตลอดการเดินทาง ต้องจองที่นั่งเสียแต่ิเนิ่น ๆ เด้อ
เมื่อจองตั๋วเครื่องบินเสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับ ช่วงเดินทางกลับนั้นมีงานโชว์รถยนต์เล็ก เป็นของยี่ห้อ BMW เราจึงเข้าไปถ่ายรูปร่วมกับรถยนต์ยี่ห้อนี้ซักหน่อย
รถอะไร "หรูหรา" และ "น่าใช้" ยิ่งนัก คุณสมบัติเป็นรถที่สมรรถนะสูง เน้นด้านความปลอดภัย
รถยนต์ยี่ห้อ BMW เป็นสินค้าของประเทศเยอรมัน BMW เป็นสินค้าของแคว้นบาวาเรีย ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศเยอรมัน
รถ BMW ได้ชื่อว่าเป็นรถที่วิ่งเร็วที่สุดบนถนน "ออโต้บาห์น" รถยนต์ยี่ห้อนี้จะเน้นเรื่องสมรรถนะเป็นสำคัญ
เรื่องความนุ่มนวลเป็นรอง อาจจะกล่าวว่า "เด็กแนว" ก็ได้ ไอ้กระผมเองก็เข้าไปเยี่ยมชมศูนย์ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนี้มาแล้ว รู้สึกประทับใจกับยี่ห้อรถนี้มาก
เพียงแต่ว่า..เมื่อใช้ในประเทศไทยแล้ว คนไทยไม่ค่อยชอบยี่ห้อเท่าไร จะชอบอีกยี่ห้อซะมากกว่า
ซึ่งอีกยี่ห้อนั้นจะตั้งอยู่อีกเมือง ซึ่งกระผมไม่ได้ไปเยี่ยมชม แต่อีกยี่ห้อที่คนไทยชอบนั้่น ทำเป็น "รถแท๊กซี่" เยอะมาก
ครั้นเมื่อเดินออกมาสู่ด้านนอกของห้างพารากอน เรายืนชมผู้คนและสิ่งสวยงามด้านล่างกันซักหน่อย โดยเขาจัดหรือตกแต่งสถานที่ภายนอกไว้ได้สวยงามมาก
โดยตัวกระผมเองจะเคยเห็นเพียงตอนที่นั่งในรถไฟฟ้าเท่านั้น เพราะรถไฟต้องวิ่งผ่านด้านหน้าห้างนี้อยู่แล้ว
ห้างแห่งนี้เป็นสถานที่รวมของเหล่าวัยรุ่น หรือวัยอื่น ๆ ได้ด้วย ถือว่าโด่งดังมากในปัจจุบันนี้
ในระแวกเดียวกันนั้นมีห้างที่ดัง ๆ หลายแห่งด้วยกัน
ครอบครัวเราก็ต้องเดินทางกลับบ้านล่ะคราวนี้ ซึ่งก็นั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับทางเดิม ผู้คนที่มาห้างนี้ก็เยอะมาก หรือว่ากระผมไม่ชินกับที่มีคนเยอะแยะแบบนี้ก็ไม่ทราบ
เนื่องจากเราเป็นคน "บ้านนอก" ไง หรือ "Native" นั่นแหละ เคยแต่เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย จึงชินกับความเวิ้งว้าง (..ว่าเข้าให้..)
กว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าและออกมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ก็เกือบจะสองชั่วโมง เพราะมัวแต่ "เตร็ตเตร่" ระแวกนั้นไง
ไปซื้อตั๋วรถไฟ JR Pass ของประเทศญี่ปุ่น
เืมื่อถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 ครอบครัวเราก็ต้องไป กทม.
โดยไปที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ไปซื้อตั๋วของรถไฟที่มีความเร็วสูงในประเทศญี่ปุ่น นั่นคือ "รถไฟ ซินกันเซน"
ถ้าไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นจะให้ถึงรสชาดต้องได้นั่งรถไฟหัวกระสุนความเร็วสูงนี้ด้วยจึงจะครบอรรถรสการเดินทาง
เป็นรถไฟที่ "เงียบ" และ "เร็ว" ซึ่งประเทศญี่ปุ่นพัฒนาเพื่อที่ใช้แข่งขันกับเครื่องบิน
ไม่ใช่แข่งขันในเรื่องความเร็ว แต่แข่งขันในเรื่อง "ความสะดวก" และ "รวดเร็ว" ในการบริการ ซึ่งถ้าท่านได้บัตรได้ตั๋วแล้ว
ก็เพียงแค่ผ่านเข้าไปรอรถขบวนรถไฟที่จะวิ่งมาถึงสถานีรถไฟเท่านั้นแหละ ถ้ารถไฟมาถึงก็เพียงแค่ก้าวขึ้นรถไฟเท่านั้นแหละ
ซึ่งเป็นการลดเวลาเสียจริง ๆ ไม่ต้องไปนั่งรอเป็นชั่วโมงเหมือนเครื่องบิน จึงลดเวลาการรอคอย โดยท่านสามารถใช้เวลาไปทำอย่างอื่นได้
...เรามาชมน้องนนท์..พาชมงานกันดีกว่า...
รถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีเยอะแยะมาก โดยถ้ามองในแผนที่นั้นจะเหมือนกับถนนในเมืองไทยเลย
ซึ่งทำให้สะดวกกับการเดินทางมาก เพียงแต่ขอให้ดูเส้นทางรู้เรื่องเท่านั้นแหละ ก็คงต้องหัดกันซักพัก ไม่ยากหรอกสำหรับการเรียนรู้

แหละรถไฟหัวกระสุนตั้งแต่เปิดใช้งานมานั้น คลาดเคลื่อนเรื่องเวลาเป้าหมายไม่เกิน 1 นาทีเท่านั้น ..สุดยอดมาก..
แหละสำหรับเรื่องอุบัติเหตุนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่นนั้นจะเชื่อมข้อมูลเข้ากับข้อมูลด้าน "่แผ่นดินไหว" ด้วย
โดยถ้าเกิดเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นที่ใดที่ถึงระดับที่กำหนด สัญญาณนั้นจะส่งไปหารถไฟหัวกระสุนที่วิ่งทั้งหมด และให้รถไฟชลอความเร็วลงจนหยุดนิ่ง เพื่อความปลอดภัย
...แหละต่อไปนี้เป็นภาพโดยรวมในงานของศูนย์สิริกิติ์ครับ..
ขอโชคดีทุก ๆ ท่าน
จาก...กระดิ่งทอง
ครอบครัวเราจะเดินทางไปท่องเีืที่ยวยังประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 19-31 มีนาคม 2556
เราเลือกใช้สายการบินไทย ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงินต่าง ๆ ให้หมุนเวียนอยู่ในเมืองไทย (จะได้ไม่หลั่งไหลออกนอกประเทศ)
ดังนั้น เราจึงต้องไปดำเนินการเรื่องจองที่นั่งกันที่ "สยามพารากอน" จริงแล้วสยามพารากอนครอบครัวของกระผมก็แค่ "ผ่าน" เท่านั้น ไม่ได้ไปเผากับเขานะ ก็ไม่รู้จะเผาบ้านเผาเมืองทำไม
เราเิดินทางออกจากระยองตอนเช้า ๆ โดยนำรถไปจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ (นี่ก็ไม่ไ้้่ด้ไปจอดที่สนามบินนะ เป็นสถานที่จอดรถ งั้นเดี๋ยวขวางเส้นทางบินเขา)
แล้วขึ้นรถไฟฟ้าเข้าเมืองไป ซึ่งเป็นความสะดวกอีกแบบ แต่ก็ต้องจ่ายค่าความสะดวกนั้นเพื่อแลกเปลี่ยนกัน
ในขณะที่เดินทางไปยัง "สยามพารากอน" นั้นก็ได้ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่รอบด้านภายในกรุงเทพมหานครได้อย่างสบายอก สบายใจในมุมสูง
เป็นการยากถ้าขับรถแล้วจะมองมุมสูงให้เห็นได้ตลอดเวลา การขึ้นรถไฟฟ้านี่แหละจะสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ในมุมสูงดียิ่งขึ้น
คนที่นำทางไปนั้นคือ "คุณแม่อ้อย" ค่ะ นำทางได้เสมือนว่าเป็นคน "กรุงเตพ" เลย (กระผมไม่อยากบอกที่มานะ)
เรื่องสถานที่ว่าจะไปที่ใดที่ไหนนั้น "เจ๊อ้อย" จะเป็นคนหาเส้นทางให้ ผมเพียงตั้ง "GPS" นำทางไปเท่านั้นก็จะถึงจุดหมายเอง
ไม่ยากครับ ถ้าเราศึกษาเส้นทางให้ละเอียดก่อนเดินทาง ทำให้เราสามารถกำหนดเป้าหมายได้ทั้งเวลาที่จะถึง และเส้นทางที่จะเดินทางไป
ครั้งนี้เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ คือ A-380 เป็นเครื่องบินที่มีความจุตามปกติถึง 800 ที่นั่ง เพียงแต่สายการบินไทยลดจำนวนที่นั่งลงเหลือไม่น่าเกิน 500 ที่นั่ง (จะดูข้อมูลเพิ่มเติม)
เรียกว่าเอาใจคนที่จะใช้บริการชั้น 1 และ ชั้น 2 โดยทำสถานที่ให้ "กว้าง" ขึ้นกว่าที่ควรเป็น แต่...ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับพื้นที่ที่ไ้ด้เพิ่มมา (คงไม่มีของฟรีให้แน่ ๆ)
เครื่องบินขนาด A-380 นั้นไม่ใช่การบินไทยมีใช้ประเทศแรก มีใช้มาหลายปีแล้ว
ซึ่งเมื่อสองปีก่อน ครอบครัวอยู่เย็นได้ใช้บริการเครื่องบินขนาด A-380 นี้โดยไปท่องเที่ยวที่ประเทศฮ่องกง+มาเก๊า ซึ่งเป็นสายการบินของ "อาหรับเอมิเรสต์"
ท่านสามารถติดตามเรื่องราวนั้นได้ตามนี้ครับ <iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/OdSyIPXsEf8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
สายการบินในโลกนี้มีสองเจ้าใหญ่ที่แข่งขันกัน คือ ค่าย A กับค่าย โบอิ้ง ... โดยค่าย "โบอิ้ง" จะมีเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่สุดในปัจจุบัน (ปี 2556) คือ โบอิ้ง 747 ก็บรรทุกผู้โดยสารไ้ด้ตามตัวเลขที่ปรากฏคือ 747 ที่นั่ง
เครื่องบิน A-380 เป็นชนิด 2 ชั้น ถ้ามองด้านข้างจะเป็นที่นั่งสองแถวแยกเป็นสองชั้น คล้าย ๆ รถบัสสองชั้นเลย
ภายในชั้นล่างจะแยกที่นั่งเป็นสองแถว คือ 3-4-3 เมื่อเข้าไปภายในเครื่องบินแล้วจะรู้สึก "โอ่โถง" มาก ปีกแต่ละข้างจะยางประมาณ 50 ม. ได้ (นี่ไม่ใช่สเป็กจริงนะ ผมแค่ประมาณ)
วันที่ไปจองตั๋วเครื่องบินนั้น มันเป็น "โปรโมชั่น" แรก ๆ เลย คือโปรโมชั่นนั้นเป็นการ "ลดราคา" เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยว หรือจะต้องมีคนมาซื้อตั๋วเครื่องบินฉั้นแน่ ๆ ว่างั้นเถอะ
ราคาที่นำเสนอขายนั้นจะต่ำกว่าราคาปกติอยู่เกือบครึ่ง นั่นเพราะคล้าย "โยนหินถามทาง" โดยถ้าเปิดขายราคาต่ำแล้วยังไม่มีคนมาซื้อตั๋วบินอีกล่ะก็ "แย่แน่ ๆ"
แหละสายการบินไทยนั้นถือว่า "บริการบนเครื่องบิน" ได้สุดยอดมาก ติดอันดับต้น ๆ หรือบางปีก็อันดับหนึ่งเลยเชียว
ค่าบริการเดินทางนั้นเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่..การบริการจะเป็นปัจจัยหลักในปัจจุบัน สายการบินใดที่การบริการไม่ค่อยดี ก็จะลดราคาเพื่อแข่งขันกับสายการบินอื่น ๆ ไม่งั้น ...ซี้แหง..แก๋
ผู้คนที่ไปซื้อบัตรซื้อตั๋วการบินไทยวันนั้นมีเยอะมาก การบินไทยเปิดจองตั๋วบินหลายวันแล้วแหละ เพียงแต่เราว่างที่จะไปจองตั๋วบินวันนี้เท่านั้น
เมื่อไปถึงสถานที่เขาบอกว่า ..สามารถจ่ายตั๋วบินที่สาขาพัทยาก็ได้ เพียงแต่เราสมัครใจไปจ่ายที่สยามพารากอน เพราะจะเ้ข้าไปชมสิ่งของในห้างนั้นด้วย
สำหรับ "น้องนนท์ นั้นตื่นเต้นกับการที่จะได้นั่งเครื่องบินลำใหญ่ที่เป็นของสายการบินไทยเป็นอย่างยิ่ง
น้องนนท์และน้องนิ้ง..พูดว่า มันจะเหมือนกับของ "อาหรับเอมิเรตส์" มั้ยน้อ อยากจะนั่งให้เร็ว ๆ เสียเหลือเกินแล้วเนี๊ยะ
บริเวณที่ซื้อตั๋วเครื่องบินจะมีจัดเป็นสถานที่นั่งของผู้โดยสารชั้นหนึ่งไว้อยู่หนึ่งที่นั่ง เพื่อให้ผู้โดยสายได้ลองสัมผัสกับสถานที่จริงว่า
ถ้าท่านซื้อบริการชั้นหนึ่งนั้นท่านจะได้ที่นั่งแบบนี้ ..จะสะดวกสบายแบบนี้ โดยที่นั่งชั้นหนึ่งนั้นจะ "โอ่โถงมาก" ค่าบริการก็จะสูงกว่าชั้นประหยัดประมาณ 3 เท่าตัว
สายการบินไทยนั้นมีข้อดีคือ..บริการตลอดเสริฟอาหารและเครื่องดื่มตลอดเวลา จนกว่าท่านจะบอกว่า "พอแล้วครับ..ค่ะ"
นี่คือความประทับใจของสายการบินไทยที่ติดอันดับการบริการแนวหน้า เท่าที่สังเกตุดูนั้นในเรื่องการบริการจะดีมาก ๆ แต่องค์การภายในของคนไทยจะไม่ค่อยเท่าไรเลย
อย่างเช่นการบินขึ้นหรือลงใน ระดับหรือขั้นของเครื่องบินจะต้องแม่นในเรื่องเวลา แต่สำหรับการบินไทยที่บินในประเทศไทยจะไม่ค่อยตรงเวลา
เพราะเขาคิดว่าตรงเวลาก็เท่านั้น แต่ถ้าไปบินกับสนามบินต่างประเทศเขาก็จะตรงเวลา
ป้ายที่โชว์ว่า "A-380" นั้นผมว่า ..เด่นมาก ๆ.. อาจจะด้วยสีที่ใช้เป็น "สีม่วง" ที่สีประจำการบินไทย จึงทำให้สีนี้ตัดกับสีอื่นได้แบบสดใสมากเลย
เครื่องบิน A-380 ใช้เครื่องยนต์จำนวน 4 ตัว ถ้าเป็นเครื่องบินรุ่นก่อนนั้นจะใช้เครื่องยนต์จำนวน 2 ตัว เหตุที่ใช้เครื่องยนต์ถึง 4 ตัว นั้นก็เพราะน้ำหนักที่มากขึ้น (มีจำนวนโดยสารสองชั้น) ขนาดตัวเครื่องบินใหญ่ขึ้น (หน้าตัดมาก) ดังนั้นจึงต้องใช้ "ม้า" มาลากเยอะขึ้น
ส่วนเครื่องบินที่มีการนั่งเพียงชั้นเดียวก็จะใช้เครื่องยนต์เพียง 2 ตัวเท่านั้น ถ้าเปรีียบเทียบเรื่องความเร็วก็คือ..ใกล้เคียงกัน โดยจะบินความเร็วประมาณ 1,000 กม./ชม.
เหตุใดถึงต้องทำให้บรรจุผู้โดยสารให้เยอะขึ้นล่ะ ก็จะได้ "ลดต้นทุน" ไง โดยบรรทุกได้คราวละเยอะ ๆ การใช้เชื้อเพลิงของเครื่องบินจะไม่ใช่แบบเทียบเท่ากัน จึงทำให้ลดต้นทุนได้
มุมมองบินเครื่องบินนั้นจะสวยถ้าบินตอนกลางวัน โดยที่แสงไม่ส่องเข้าเครื่องเป็นแนวนอนนะ ถ้าแสงแดดส่องในแนวนอนจะสว่างมาก แต่ที่กระจกจะมีม่านให้ดึงลงมาเพื่อบังแดดได้
และยิ่งบินเหนือเมฆด้วยนะ ภาพที่เห็นจะประทับตาประทับใจเป็นอย่างมาก และจะให้แจ๋วต้องนั่งริมหน้าต่างด้วยนะจ๊ะ ถ้านั่งตรงกลางก็นั่งหลับรอได้เลย
เมื่อจองตั๋วเครื่องบินเสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับ ช่วงเดินทางกลับนั้นมีงานโชว์รถยนต์เล็ก เป็นของยี่ห้อ BMW เราจึงเข้าไปถ่ายรูปร่วมกับรถยนต์ยี่ห้อนี้ซักหน่อย
รถอะไร "หรูหรา" และ "น่าใช้" ยิ่งนัก คุณสมบัติเป็นรถที่สมรรถนะสูง เน้นด้านความปลอดภัย
รถยนต์ยี่ห้อ BMW เป็นสินค้าของประเทศเยอรมัน BMW เป็นสินค้าของแคว้นบาวาเรีย ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศเยอรมัน
รถ BMW ได้ชื่อว่าเป็นรถที่วิ่งเร็วที่สุดบนถนน "ออโต้บาห์น" รถยนต์ยี่ห้อนี้จะเน้นเรื่องสมรรถนะเป็นสำคัญ
เรื่องความนุ่มนวลเป็นรอง อาจจะกล่าวว่า "เด็กแนว" ก็ได้ ไอ้กระผมเองก็เข้าไปเยี่ยมชมศูนย์ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนี้มาแล้ว รู้สึกประทับใจกับยี่ห้อรถนี้มาก
เพียงแต่ว่า..เมื่อใช้ในประเทศไทยแล้ว คนไทยไม่ค่อยชอบยี่ห้อเท่าไร จะชอบอีกยี่ห้อซะมากกว่า
ซึ่งอีกยี่ห้อนั้นจะตั้งอยู่อีกเมือง ซึ่งกระผมไม่ได้ไปเยี่ยมชม แต่อีกยี่ห้อที่คนไทยชอบนั้่น ทำเป็น "รถแท๊กซี่" เยอะมาก
ครั้นเมื่อเดินออกมาสู่ด้านนอกของห้างพารากอน เรายืนชมผู้คนและสิ่งสวยงามด้านล่างกันซักหน่อย โดยเขาจัดหรือตกแต่งสถานที่ภายนอกไว้ได้สวยงามมาก
โดยตัวกระผมเองจะเคยเห็นเพียงตอนที่นั่งในรถไฟฟ้าเท่านั้น เพราะรถไฟต้องวิ่งผ่านด้านหน้าห้างนี้อยู่แล้ว
ห้างแห่งนี้เป็นสถานที่รวมของเหล่าวัยรุ่น หรือวัยอื่น ๆ ได้ด้วย ถือว่าโด่งดังมากในปัจจุบันนี้
ครอบครัวเราก็ต้องเดินทางกลับบ้านล่ะคราวนี้ ซึ่งก็นั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับทางเดิม ผู้คนที่มาห้างนี้ก็เยอะมาก หรือว่ากระผมไม่ชินกับที่มีคนเยอะแยะแบบนี้ก็ไม่ทราบ
เนื่องจากเราเป็นคน "บ้านนอก" ไง หรือ "Native" นั่นแหละ เคยแต่เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย จึงชินกับความเวิ้งว้าง (..ว่าเข้าให้..)
กว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าและออกมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ก็เกือบจะสองชั่วโมง เพราะมัวแต่ "เตร็ตเตร่" ระแวกนั้นไง
ไปซื้อตั๋วรถไฟ JR Pass ของประเทศญี่ปุ่น
เืมื่อถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 ครอบครัวเราก็ต้องไป กทม.
โดยไปที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ไปซื้อตั๋วของรถไฟที่มีความเร็วสูงในประเทศญี่ปุ่น นั่นคือ "รถไฟ ซินกันเซน"
เป็นรถไฟที่ "เงียบ" และ "เร็ว" ซึ่งประเทศญี่ปุ่นพัฒนาเพื่อที่ใช้แข่งขันกับเครื่องบิน
ไม่ใช่แข่งขันในเรื่องความเร็ว แต่แข่งขันในเรื่อง "ความสะดวก" และ "รวดเร็ว" ในการบริการ ซึ่งถ้าท่านได้บัตรได้ตั๋วแล้ว
ก็เพียงแค่ผ่านเข้าไปรอรถขบวนรถไฟที่จะวิ่งมาถึงสถานีรถไฟเท่านั้นแหละ ถ้ารถไฟมาถึงก็เพียงแค่ก้าวขึ้นรถไฟเท่านั้นแหละ
ซึ่งเป็นการลดเวลาเสียจริง ๆ ไม่ต้องไปนั่งรอเป็นชั่วโมงเหมือนเครื่องบิน จึงลดเวลาการรอคอย โดยท่านสามารถใช้เวลาไปทำอย่างอื่นได้
...เรามาชมน้องนนท์..พาชมงานกันดีกว่า...
ซึ่งทำให้สะดวกกับการเดินทางมาก เพียงแต่ขอให้ดูเส้นทางรู้เรื่องเท่านั้นแหละ ก็คงต้องหัดกันซักพัก ไม่ยากหรอกสำหรับการเรียนรู้
แหละรถไฟหัวกระสุนตั้งแต่เปิดใช้งานมานั้น คลาดเคลื่อนเรื่องเวลาเป้าหมายไม่เกิน 1 นาทีเท่านั้น ..สุดยอดมาก..
แหละสำหรับเรื่องอุบัติเหตุนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่นนั้นจะเชื่อมข้อมูลเข้ากับข้อมูลด้าน "่แผ่นดินไหว" ด้วย
โดยถ้าเกิดเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นที่ใดที่ถึงระดับที่กำหนด สัญญาณนั้นจะส่งไปหารถไฟหัวกระสุนที่วิ่งทั้งหมด และให้รถไฟชลอความเร็วลงจนหยุดนิ่ง เพื่อความปลอดภัย
...แหละต่อไปนี้เป็นภาพโดยรวมในงานของศูนย์สิริกิติ์ครับ..
ขอโชคดีทุก ๆ ท่าน
จาก...กระดิ่งทอง
อ่านแล้วรีบจองตั๋วทันควันเลย
ตอบลบ