หลังจากพักกาย พักใจ 3 เดือนเต็ม ที่ไม่ได้ไปสวนที่ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
วันนี้วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 นาย..กระดิ่งทอง จึงแวะไปชื่นชมสวนซะหน่อย
ระหว่างทางได้แวะซื้อกระเบื้องมาทำบ้านด้วย เนื่องจากของเก่าที่ "รื้อ" ออกแล้วปูใหม่ ทำให้มีกระเบื้องบางส่วนขาดหายไปไม่เต็มระบบ
จำนวนที่ขาดไปนั้นก็มากโขอยู่ มีจำนวนถึง 14 แผ่น ก่อนหน้านั้น "ตระเวณ" หาซื้อในตัวจังหวัดระยอง และเมืองพัทยา ปรากฎว่า ลายกระเบื้องที่ต้องการไม่มี
ระหว่างเส้นทางที่เดินทางไปนั้นรู้สึกถึงมีความเปลี่ยนแปลงของสองข้างทางตลอดช่วงระยะ
ทำให้การสัญจรไปมาเริ่มช้าและติดขัด จึงต้องขยายเส้นทางให้ใหญ่โตขึ้นเป็นถนนขนาด 4 เลน (เรียกตามประสาเด็กบ้านนอก คนเมืองจะเรียกถนน 2 เลน)
สิ่งที่ทำให้แปลกตาไปคือ "ภูเขาย่อม" ด้านขวามือก่อนที่จะถึง "สวนตายาย" สิ่งที่มองเห็นแล้วนั้นมัน "โล่งเตียน" ไปหมดเลย จากก่อนที่เคยเป็นป่าที่รก ๆ วันนี้ป่านั้นได้หายวับไปกับตา
อีกไม่นาน...ความเจริญของเส้นทางนี้ก็จะใหญ่โตขึ้นไปเรื่อย ๆ เหตุที่เส้นทางนี้ต้องพัฒนาให้ใหญ่โตจากเดิมนั้น เพราะความเจริญที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น
ประกอบกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อนที่จะต้องมีถนนวิ่งวนรอบประเทศด้วยขนาดช่องทาง 4 เลน (เรียกตามประสาชาวบ้าน) เส้นทางนี้จะเชื่อมจากจังหวัดจันทบุรีไปยังจังหวัดสระแก้วได้โดยตรง
ปัจจุบันรถขนส่งผัก , ผลไม้ก็วิ่งกันขวักไขว่มากเหลือเกิน หากไม่ขยายเส้นทางให้คล่อง เวลาใช้งานของรถที่วิ่งบนถนนก็จะมากขึ้น อุบัติเหตุคงจะมีมากขึ้นตามจำนวนรถ
ขับรถจากด่านทหารไปอีกซัก 3 กม. ก็จะถึงปากทางเข้าไปยังสวนของเราแล้ว เรียกว่า ...ปากทางเข้าวัดชะแมบ...
สิ่งที่ได้พบเห็นหลังจากที่ไม่ได้มาสวนเมื่อกว่า 3 เดือนก่อนคือความเขียวขจีของต้นไม้ที่ตั้งอยู่ริมสองข้างทางและหญ้าที่ีงอกเร็วมากเหลือเกินเมื่อได้รับน้ำฝน
ครั้นไปถึงสวนจันท์ ความเป็นธรรมชาติ ความเขียวขจีของใบไม้ เมื่อได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดทำให้รู้สึก "ปลอดโปร่ง" หรือ "โล่ง" ในปอดเสียจริง ๆ บางกรณีอาจจะเรียกว่า ...โอโซน...เยอะมาก
น้ำในคลองที่มีสีส้ม ๆ ออกเหลืองแสดงว่ามีฝนตกก่อนหน้านี้มากเสียจนทำให้น้ำขุ่นและเป็นสีออกเหลืองและข้นได้ หน้านี้ก็หน้าฝนอยู่แล้วปริมาณน้ำฝนคงตกลงมาอย่างมากมายแน่ ๆ
ฝนจะตกได้ก็ต้องอาศัยสิ่งอื่นด้วย ฝนไม่สามารถตกได้ตามลำพังหากต้นไม้ไม่ได้ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นของดินให้มากพอ แหละต้นไม้ยังรักษาธรรมชาติที่เหมาะสมให้กับโลกนี้เป็นที่น่าอยู่ด้วย
ความรู้สึกดังที่แรกเห็น เมื่อว่างเว้นไป 3 เดือนเต็ม ๆ ด้วยกัน ทำให้บรรยากาศรอบด้าน "แปลกตา" ไปเช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ชัดคือ ...ความเงียบสงบ... บางครั้งทำให้นึกคิดอะไร ๆ ได้ในสิ่งที่เคยนึกตั้งนานแต่คิดไม่ออก
ครั้นจะใช้มีดไล่ฟันยุง มันก็ไม่กลัวซักกะนิดเลย มันดื้อเสียจริง ๆ ยุงมันก็ตัวเล็กกว่าเราเน๊าะ แต่มันก็ไม่เคยลดความพยายามที่จะหาอาหารจากเราซะเลย ว่าแล้วจึงร่ายคาถา (ไม่มีหรอก) ลืมเอายากันยุงไปนั่นเอง 55
แต่ที่เห็นมีนั้นก็ "แก้วมังกร" ของสวนคุณเสมอและป้าโฉม ซึ่งก็เห็นมีซัก 5 ลูกนั่นแหละ สี "แดงกร่ำ" เลย คงจะสุกงอมเต็มทน หรือว่า "รอ" เจ้าของมาเก็บเกี่ยวก็ไม่ทราบ
มันเป็น "ความภูมิใจ" ของเจ้าของสวนเสียจริง ๆ ที่ได้เห็นผลไม้ที่อยู่ในสวนเราได้ออกผลผลิตมาให้รับประทานตามฤดูกาลที่ควรจะเป็น
ครอบครัวเราได้เดินชมต้นไม้และเด็ดผลไม้ที่อยู่กับต้นเพื่อนำมารับประทานกัน มันทำให้เราภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก ทั้งสนุกสนานและเฮฮา
แม้ว่า...ความสมบูรณ์ของผลไม้จะไม่สวยเหมือนที่อยู่บนท้องตลาด...แต่...ความสบายใจจะมีมาก เพราะผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยสารเคมีใด ๆ เลย
สถานที่ตั้งของสวนเรานั้นจะไม่ไกลมากนักจากสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัดจันทบุรี นั่นคือ "เขาสอยดาว" นั่นเอง
เขาแห่งนี้มีความใหญ่โตมาก ในฤดูฝนหากเรามองไปยังเขาสอยดาวจะเห็นปุยเมฆลอยอยู่รอบ ๆ แนวเขาด้านล่าง
อาจจะมีบ้างที่ "นก" และ "สิ่งมีชีวิต" ต่าง ๆ มาจิกกินผลไม้ของเรา ก็ถือว่า แบ่ง ๆ กันกิน เพราะครอบครัวเรากินเองซะหมดก็คงไม่ไหว มันเป็นความภูมิใจซะอีกที่เห็นนานาสรรพสัตว์บินมาในสวนของเราให้เห็นอย่างใกล้ชิดโดยเราไม่ต้องไปหาชมให้ไกล
""" ต่อไปชมภาพนิ่งกันบ้าง"""
วันนี้วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 นาย..กระดิ่งทอง จึงแวะไปชื่นชมสวนซะหน่อย
ระหว่างทางได้แวะซื้อกระเบื้องมาทำบ้านด้วย เนื่องจากของเก่าที่ "รื้อ" ออกแล้วปูใหม่ ทำให้มีกระเบื้องบางส่วนขาดหายไปไม่เต็มระบบ
จำนวนที่ขาดไปนั้นก็มากโขอยู่ มีจำนวนถึง 14 แผ่น ก่อนหน้านั้น "ตระเวณ" หาซื้อในตัวจังหวัดระยอง และเมืองพัทยา ปรากฎว่า ลายกระเบื้องที่ต้องการไม่มี
ทำให้เมื่อต้องใช้กระเบื้องเพิ่มต้องลำบากกันหน่อย ครั้งนี้จึงซื้อมาเผื่ออีก 2 แผ่น เป็นจำนวน 16 แผ่น ๆ ละ 155 บาท ฉะนั้น เป็นเงิน 2480 บาท ความที่ต้องเก็บเงินสดไว้ใช้งาน ทำให้ต้องจ่ายเป็นเงินล่วงหน้า หรือที่เรียกว่า ...ใช้บัตรเครดิตรูด...นั่นแหละ
ระหว่างเส้นทางที่เดินทางไปนั้นรู้สึกถึงมีความเปลี่ยนแปลงของสองข้างทางตลอดช่วงระยะ
เนื่องจากเส้นทางนี้กำลังถูกปรับปรุงเส้นทางให้กว้างขึ้น เืพื่อรองรับหลาย ๆ อย่างที่กำลังจะมาถึง
จากเดิมเป็นถนนแบบ 2 เลน (วิ่งสวนกัน) บัดนี้ความเจริญได้คืบคลานเข้ามาหา พร้อมกับรถราที่มีเยอะมากขึ้นทุก ๆ วัน
ทำให้การสัญจรไปมาเริ่มช้าและติดขัด จึงต้องขยายเส้นทางให้ใหญ่โตขึ้นเป็นถนนขนาด 4 เลน (เรียกตามประสาเด็กบ้านนอก คนเมืองจะเรียกถนน 2 เลน)
สิ่งที่ทำให้แปลกตาไปคือ "ภูเขาย่อม" ด้านขวามือก่อนที่จะถึง "สวนตายาย" สิ่งที่มองเห็นแล้วนั้นมัน "โล่งเตียน" ไปหมดเลย จากก่อนที่เคยเป็นป่าที่รก ๆ วันนี้ป่านั้นได้หายวับไปกับตา
สิ่งที่พอจะเห็นได้ชัดเจนคือ...ความเปลี่ยนแปลง...ตามกาลเวลา หากนับตั้งแต่เราเริ่มได้ตกลงเพื่อที่จะซื้อสวนนี้ เมื่อนับเวลาย้อนกลับไปคงเป็นเวลา 5 ปี มาแล้วสินะ
อีกไม่นาน...ความเจริญของเส้นทางนี้ก็จะใหญ่โตขึ้นไปเรื่อย ๆ เหตุที่เส้นทางนี้ต้องพัฒนาให้ใหญ่โตจากเดิมนั้น เพราะความเจริญที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น
ประกอบกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อนที่จะต้องมีถนนวิ่งวนรอบประเทศด้วยขนาดช่องทาง 4 เลน (เรียกตามประสาชาวบ้าน) เส้นทางนี้จะเชื่อมจากจังหวัดจันทบุรีไปยังจังหวัดสระแก้วได้โดยตรง
ปัจจุบันรถขนส่งผัก , ผลไม้ก็วิ่งกันขวักไขว่มากเหลือเกิน หากไม่ขยายเส้นทางให้คล่อง เวลาใช้งานของรถที่วิ่งบนถนนก็จะมากขึ้น อุบัติเหตุคงจะมีมากขึ้นตามจำนวนรถ
ขับรถจากด่านทหารไปอีกซัก 3 กม. ก็จะถึงปากทางเข้าไปยังสวนของเราแล้ว เรียกว่า ...ปากทางเข้าวัดชะแมบ...
สิ่งที่ได้พบเห็นหลังจากที่ไม่ได้มาสวนเมื่อกว่า 3 เดือนก่อนคือความเขียวขจีของต้นไม้ที่ตั้งอยู่ริมสองข้างทางและหญ้าที่ีงอกเร็วมากเหลือเกินเมื่อได้รับน้ำฝน
ครั้นไปถึงสวนจันท์ ความเป็นธรรมชาติ ความเขียวขจีของใบไม้ เมื่อได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดทำให้รู้สึก "ปลอดโปร่ง" หรือ "โล่ง" ในปอดเสียจริง ๆ บางกรณีอาจจะเรียกว่า ...โอโซน...เยอะมาก
น้ำในคลองที่มีสีส้ม ๆ ออกเหลืองแสดงว่ามีฝนตกก่อนหน้านี้มากเสียจนทำให้น้ำขุ่นและเป็นสีออกเหลืองและข้นได้ หน้านี้ก็หน้าฝนอยู่แล้วปริมาณน้ำฝนคงตกลงมาอย่างมากมายแน่ ๆ
หากจะย้อนไปดูปริมาณน้ำฝนที่สวนทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรีนั้น ปริมาณฝนถือว่ามีไม่ขาด หมายถึงต้องรักษาความอุดมสมบูรณ์ของปำไม้ไว้ด้วนฝนถึงจะไม่ขาดสาย
ฝนจะตกได้ก็ต้องอาศัยสิ่งอื่นด้วย ฝนไม่สามารถตกได้ตามลำพังหากต้นไม้ไม่ได้ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นของดินให้มากพอ แหละต้นไม้ยังรักษาธรรมชาติที่เหมาะสมให้กับโลกนี้เป็นที่น่าอยู่ด้วย
เส้นทางที่เข้าไปยังสวนของกลุ่มเรานั้นเกือบครึ่ง
เป็นซีเมนต์ และอีกครึ่งกว่าเป็นถนนดินแดง(ลูกรัง) ทำให้มันมีความรู้สึกว่า เออ.....มันเป็นเส้นทางที่ธรรมชาติเสียจริง ๆ
แถมยัง...ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อและมีน้ำท่วมขังที่บ่อเสียด้วย จึงทำให้รถโยกเยก ๆ ไปเกือบจะตลอดเส้นทาง
ก่อนหน้านั้นคงมีกระแสฝนที่ตกมาอย่างมากมาย ทำให้ต้นไม้ ใบหญ้าเขียวขจียิ่งนัก อาจจะเรียกหญ้าว่า "รก" ก็ได้
ความรู้สึกดังที่แรกเห็น เมื่อว่างเว้นไป 3 เดือนเต็ม ๆ ด้วยกัน ทำให้บรรยากาศรอบด้าน "แปลกตา" ไปเช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ชัดคือ ...ความเงียบสงบ... บางครั้งทำให้นึกคิดอะไร ๆ ได้ในสิ่งที่เคยนึกตั้งนานแต่คิดไม่ออก
ความเงียบทำให้เรามีสมาธิ แต่สิ่งที่รบกวนสมาธิของเราคือ "ยุง" มีเยอะเหลือเกิน ทำให้การนึกคิดอะไร ๆ ที่กำลังต่อเนื่อง "ขาดตอน" ไป
ครั้นจะใช้มีดไล่ฟันยุง มันก็ไม่กลัวซักกะนิดเลย มันดื้อเสียจริง ๆ ยุงมันก็ตัวเล็กกว่าเราเน๊าะ แต่มันก็ไม่เคยลดความพยายามที่จะหาอาหารจากเราซะเลย ว่าแล้วจึงร่ายคาถา (ไม่มีหรอก) ลืมเอายากันยุงไปนั่นเอง 55
ตามภาพนั้น "หญ้า" ได้เจริญงอกงามขึ้นปกคลุมพิ้นดินที่ชุ่มชื้นแทบจะทุกพื้นที่ เนื่องจาก "น้ำ" ที่มีให้หญ้าได้ดูดดื่มขึ้นไปเลี้ยงทั้งดอกและใบได้อย่างสมบูรณ์
ภาพด้านขวามือสามารถยืนยันได้ว่า
เส้นทางที่เราเคยนำรถขึ้นไปแบบเตียนเรียบ บัดนี้ "รก" อย่างเห็นได้ชัดมาก
ครั้นเมื่อเปรียบเทียบกับภาพเมื่อ 3 เดือนที่แล้วนั้นอาจจะตกใจว่า มันเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ
3 เดือนก่อนนั้น หาำกจะระบุว่าเป็นเดือน นั่นคือเดือนกรกฎาคม 2557 ช่วงนั้นเป็นฤดูของการเก็บเกี่ยวผลไม้ ...ทุเรียน... (หมายถึงทุเรียนที่ให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ
เราได้ทุเรียนไว้รับประทานสำหรับปีนี้เยอะมาก ภูมิใจที่สุดที่ได้เห็นทุเรียนในสวนเราเจริญเติมโตแบบไม่ต้องใช้ยาฉีดหรือยาเร่งใด ๆ
แม้กระทั่งหลาย ๆ จุดที่เราได้ตัดหญ้าไว้ เมื่อมองไปดูแล้วสถานภาพที่เห็นแทบจะไม่ต่างกัน อาจจะเรียกได้ว่า "ธรรมชาติขอคืน หากไม่ได้ใช้งาน"
เมื่อเดินขึ้นไปสู่ด้านบนของสวนเรา จะเห็นได้ชัดเจนว่า "หญ้า" รกเป็นอย่างมาก ร่องรอยอารยธรรมต่าง ๆ ที่เคยได้ทำไว้มองแทบไม่เห็นเลย
ยุง...ก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่รบกวนงานสำรวจของเรา วันนั้นไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวไปด้วย เนื่องจากไม่คิดว่าจะมียุงมากมายเช่นนี้
หากวันนี้ไม่มี "โครงสร้าง" บางจุดที่ปรากฎให้เห็น อาจจะประเมินได้ว่า "ร้าง" แน่ ๆ แต่เรายังมองเห็นโครงสร้างอะไร ๆ
ความคืบหน้าก็ทราบข่าวจากเพื่อน ๆ เราที่เ้ข้าเรา คนที่จะมาสวนบ่อยเนื่ยก็คือ "คุณสุชาตินั่นเอง"
บางครั้ง...ครอบครัวนี้ว่าง แต่อีกครอบครัวไม่ว่าง การนัดหมายก็จะ "คลาดเคลื่อน" ไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดเป็นว่า ใครว่าง ๆ ก็มีเยี่ยมสวนเราบ้าง เผื่อมีอะไรที่เปลี่ยนแปรงจะได้ทราบข่าวกัน
ทุเรียนของสวนเราเมื่อโตเต็มที่สามารถนำมารับประทานได้ สวนคนอื่นที่อยู่รอบด้านเขาก็ "วาย" หรือ "หมดอายุขัย" ไปซะแล้ว
หรืออีกนัยหนึ่งคือ เขาทำเงินไปก่อนแล้ว จริง ๆ ของเราไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อที่จะขาย เรามีเป้าหมายเพื่อจะนำไว้รับประทานเองเท่านั้น
ดังนั้น...จึงเป็นเรื่องง่ายดายที่ต้นหญ้าจะเขียวขจีได้อย่างรวดเร็วไปพร้อม ๆ กับต้นยางและต้นไม้ชนิดอื่น ๆ ทีมีอยู่ในสวนของเรา
ภาพด้านขวามือสามารถยืนยันได้ว่า
เส้นทางที่เราเคยนำรถขึ้นไปแบบเตียนเรียบ บัดนี้ "รก" อย่างเห็นได้ชัดมาก
ในใจคิดว่า...สวนที่ไม่มีคนดูแลมักจะเป็นลักษณะเช่นนี้แทบทุกหนทุกแห่ง ยิ่งมีปริมาณน้ำฝนด้วยจะทำให้หญ้าโตเร็วเป็นยิ่งนัก หลาย ๆ แห่งหากไม่ได้เข้าไปดูแลห่างเป็นปี ๆ พื้นที่บริเวณนั้นจะกบลับไปเป็นป่าอย่างที่เคยเป็นในอดีต
ครั้นเมื่อเปรียบเทียบกับภาพเมื่อ 3 เดือนที่แล้วนั้นอาจจะตกใจว่า มันเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ
3 เดือนก่อนนั้น หาำกจะระบุว่าเป็นเดือน นั่นคือเดือนกรกฎาคม 2557 ช่วงนั้นเป็นฤดูของการเก็บเกี่ยวผลไม้ ...ทุเรียน... (หมายถึงทุเรียนที่ให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ
เราได้ทุเรียนไว้รับประทานสำหรับปีนี้เยอะมาก ภูมิใจที่สุดที่ได้เห็นทุเรียนในสวนเราเจริญเติมโตแบบไม่ต้องใช้ยาฉีดหรือยาเร่งใด ๆ
แม้กระทั่งหลาย ๆ จุดที่เราได้ตัดหญ้าไว้ เมื่อมองไปดูแล้วสถานภาพที่เห็นแทบจะไม่ต่างกัน อาจจะเรียกได้ว่า "ธรรมชาติขอคืน หากไม่ได้ใช้งาน"
เมื่อเดินขึ้นไปสู่ด้านบนของสวนเรา จะเห็นได้ชัดเจนว่า "หญ้า" รกเป็นอย่างมาก ร่องรอยอารยธรรมต่าง ๆ ที่เคยได้ทำไว้มองแทบไม่เห็นเลย
ยุง...ก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่รบกวนงานสำรวจของเรา วันนั้นไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวไปด้วย เนื่องจากไม่คิดว่าจะมียุงมากมายเช่นนี้
หากวันนี้ไม่มี "โครงสร้าง" บางจุดที่ปรากฎให้เห็น อาจจะประเมินได้ว่า "ร้าง" แน่ ๆ แต่เรายังมองเห็นโครงสร้างอะไร ๆ
บางอย่างไร เพราะหญ้าไม่ได้สูงมาก
ช่วง 3 เดือนของครอบครัวเราเอง ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนพื้นที่สวนแห่งเราตลอดทั้งสามเดือนเลย
ความคืบหน้าก็ทราบข่าวจากเพื่อน ๆ เราที่เ้ข้าเรา คนที่จะมาสวนบ่อยเนื่ยก็คือ "คุณสุชาตินั่นเอง"
ระหว่างนี้ครอบครัวของเราและทุก ๆ คนก็ "ยุ่ง" และ "พัลวัน" กับเรื่องใกล้ตัว ทำให้ไม่มีเวลาที่จะมาพักผ่อนที่สวนพร้อม ๆ กันซักที
หากแต่...เมื่อใดที่มีเวลา "กลุ่ม...กลิ่นกระวานบ้านสวน" ของเราก็จะได้นัดหมายเพื่อมาพบปะสังสรรค์และร่วมพูดคุย หรือ นอน กันที่สวนทับไทรของเรานี่แหละ
บางครั้ง...ครอบครัวนี้ว่าง แต่อีกครอบครัวไม่ว่าง การนัดหมายก็จะ "คลาดเคลื่อน" ไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดเป็นว่า ใครว่าง ๆ ก็มีเยี่ยมสวนเราบ้าง เผื่อมีอะไรที่เปลี่ยนแปรงจะได้ทราบข่าวกัน
ช่วงนี้เดือนตุลาคม 2557 ในสวนเราเองยังมี "ทุเรียน" นี่แหละที่เป็นดอกเป็นผลให้เราสามารถรับประทานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
หากจะย้อนนับก็ซักเดือน กรกฎาคม 2557 นั่นแหละ สวนเราถือว่าออกผลล่าช้า ทั้งนี้เนื่องจากว่า เราไม่ได้เร่งผลิตเพื่อนำไปขายนั่นเอง โดยปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน
ทุเรียนของสวนเราเมื่อโตเต็มที่สามารถนำมารับประทานได้ สวนคนอื่นที่อยู่รอบด้านเขาก็ "วาย" หรือ "หมดอายุขัย" ไปซะแล้ว
หรืออีกนัยหนึ่งคือ เขาทำเงินไปก่อนแล้ว จริง ๆ ของเราไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อที่จะขาย เรามีเป้าหมายเพื่อจะนำไว้รับประทานเองเท่านั้น
แต่ที่เห็นมีนั้นก็ "แก้วมังกร" ของสวนคุณเสมอและป้าโฉม ซึ่งก็เห็นมีซัก 5 ลูกนั่นแหละ สี "แดงกร่ำ" เลย คงจะสุกงอมเต็มทน หรือว่า "รอ" เจ้าของมาเก็บเกี่ยวก็ไม่ทราบ
มันเป็น "ความภูมิใจ" ของเจ้าของสวนเสียจริง ๆ ที่ได้เห็นผลไม้ที่อยู่ในสวนเราได้ออกผลผลิตมาให้รับประทานตามฤดูกาลที่ควรจะเป็น
ครอบครัวเราได้เดินชมต้นไม้และเด็ดผลไม้ที่อยู่กับต้นเพื่อนำมารับประทานกัน มันทำให้เราภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก ทั้งสนุกสนานและเฮฮา
แม้ว่า...ความสมบูรณ์ของผลไม้จะไม่สวยเหมือนที่อยู่บนท้องตลาด...แต่...ความสบายใจจะมีมาก เพราะผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยสารเคมีใด ๆ เลย
สถานที่ตั้งของสวนเรานั้นจะไม่ไกลมากนักจากสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัดจันทบุรี นั่นคือ "เขาสอยดาว" นั่นเอง
เขาแห่งนี้มีความใหญ่โตมาก ในฤดูฝนหากเรามองไปยังเขาสอยดาวจะเห็นปุยเมฆลอยอยู่รอบ ๆ แนวเขาด้านล่าง
อาจจะมีบ้างที่ "นก" และ "สิ่งมีชีวิต" ต่าง ๆ มาจิกกินผลไม้ของเรา ก็ถือว่า แบ่ง ๆ กันกิน เพราะครอบครัวเรากินเองซะหมดก็คงไม่ไหว มันเป็นความภูมิใจซะอีกที่เห็นนานาสรรพสัตว์บินมาในสวนของเราให้เห็นอย่างใกล้ชิดโดยเราไม่ต้องไปหาชมให้ไกล
""" ต่อไปชมภาพนิ่งกันบ้าง"""
เป็นภาพแห่งความภาคภูมิใจของทุก ๆ คนที่อยู่สวนนี้..ครับ..