วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไปตัดทุเรียนที่สวนทับไทร จันทบุรี

ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ของสวนเรา หรือ "สวนทับไทร" หรือ "กลิ่นกระวานบ้านสวน" มาถึงแล้ว ระยะเวลาของช่วงที่ผลไม้จะสุกงอมเราอาจจะไม่ชำนาญที่จะสังเกตุ

เนื่องจาก "ประสบการณ์" ที่มีอันน้อยนิดของเราเอง หลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ผลไม้ที่เรานำมาทานได้ก็ต้องไปดูเองว่ามัน "สุก" แล้ว 

ครั้งจะศึกษาก็ต้องใช้ความพยายามมาก ๆ เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน ...แต่...ก็สามารถที่จะ "ปรึกษา" หาความรู้จากคนที่รู้หรืือ "คลุกคลี" กับวงการนี้ได้  เขาไม่เคยหวงที่จะถ่ายทอดความรู้แน่ ๆ มีแต่...ไม่รู้อะไรทำไมไม่ถาม  อยากรู้ก็ถามสิ......


ส่วนมากที่เราไปกันก็จะไป "ต้ัดหญ้า" หญ้านี่่ขึ้นเร็วมาก เมื่อมีหญ้าก็จะทำ ก็จะมีเอง "ไส้เดือน" ให้ดินชุ่มชื้น เมื่อดินชุ่มชื้น

ไส้เดือน...เป็นสิ่งมีชีวิตที่ขยันพรวนดินมาก ถ้ามีไส้เดือนในดินที่ใดแสดงว่าดินนั้นจะอุดมสมบูรณ์ และดินจะร่วนซุย  การซับน้ำก็จะไว ดินจะอุดมสมบูรณ์เยอะด้วย

แม้ปัจจุบันจะได้ยินว่า มีการขายไส้เดือนกันแล้ว เหตุใดถึงต้องมีการขายไส้เดือน เนื่องจากดินที่เราใส่ปุ๋ยเคมีทำให้ดินเสียไปเยอะ ในกระบวนการของดินเสียแบบง่าย ๆ คือ ดินจะแข็ง 

หมายถึง ...ลึกจากหน้าดินลงไปซัก 1 เมตร ดินส่วนนั้นจะเป็น "ดินดาน" ดินจะแข็งกันเป็นชั้น 

ทำให้เมื่อมีฝนตกน้ำฝนจะลงมาได้แค่ดินชั้นนี้ไม่สามารถซึมลงดินต่อแล้ว  หากน้ำเยอะก็ทำให้น้ำท่วมง่าย เพราะการขังน้ำแค่ความลึก 1 เมตร มันมีพื้นที่น้อยนิดนัก

หากฝนมีปริมาณมาก ๆ น้ำส่วนที่เหลือก็จะล้นขึ้นสู่ผิวดิน ทำให้คนเรามองเห็นว่า "เกิดน้ำท่วม" ซะแล้ว

ในมุมมองอีกด้านหนึ่งคือ น้ำฝนไม่ได้มีปริมาณเยอะมากเท่าไร แต่การซึมของน้ำลงสู่ดินด้านล่างมันลงได้น้อย

เหตุการณ์เช่นนี้จึงเป็นที่มาของ  "ฤดูฝน ก็เกิดน้ำท่วม" และ "ฤดูร้อน ก็ขาดน้ำ" มันก็จะวนเวียนอยู่เยี่ยงนี้ทุก ๆ ปี  มนุษย์ได้ใช้ปุ๋ยเคมีมาหลายสิบปีแล้ว ส่วนที่ดีของปู๋ยเคมีคือ ...ไว...รวดเร็ว...แต่ก็เร็วทุก ๆ อย่างเช่นกัน

ปุ๋ยเคมีต้องซื้อเท่านั้น คนเราจะไม่ศึกษาที่มาของคำว่า ..ปุ๋ยเคมี..อยู่แล้ว บอกไกลตัว...คนที่ศึกษาเองมีน้อย
 
 การใช้ปุ๋ยเคมีไม่ใช่ไม่ดี  มันมีดีหากจำเป็นต้องใช้  เพียงแต่ว่า เราหลงโฆษณา หรือ เชื่อโฆษณามากเกินไป ปุ๋ยเคมีทำให้เรา "หลอกตา" และเชื่อในสิ่งที่ถูก "ตาหลอก" ว่า "ดี"

แล้วปุ๋ยอะไรล่ะดี  "ปุ๋ยคอก" ไง  มันเป็นสิ่งธรรมชาติที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ เช่น ขี้วัว, ขี้ควาย, ขี้คน, ซากพืช, ซากสัตว์ เป็นต้น

คำว่า "เป็นต้น" ไม่ใช่ว่ามันเป็น "ลำต้น" นะ มันหมายถึงการยกตัวอย่างให้เข้าใจ....!!!!!!

ในสวนทัีบไทร ที่จังหวัดจันทบุรีของเรานั้นได้ปุ๋ยจากอะไร "ซาก" ของใบไม้ หรือ กิ่งไม้ และผลไม้ที่เราไม่ได้เก็บนั่นเอง ซึ่งมันจะทับถมกันไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ ปี และย่อยสลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์

ย้อนกลับมาที่สวนของเราอีกครั้ง หลังจาก "วน" ออกไปไกล  ฤดูนี้เป็นฤดูของการเก็บเกี่ยวผลผลิต ในสวนของเราจะมีผลไม้ที่ครอบครัวเราเองชอบกินมาก นั่นคือ...ทุเรียน


                                                  
                                             ต้นทุเรียน

ผลไม้ทุเรียนของสวนเราออก "ล่าช้า" ไปบ้าง เพราะไม่ได้เร่งให้มันออกดอกออกผลดังเช่นของสวนข้างเคียง  ไม่อยากให้มีสารเคมีเข้ามาปนเปื้อนเลยในพื้นที่สวนของเรา

ฉะนั้น....อาจจะเห็นได้ว่า สีของผลไม้จากสวนที่ไม่มีสารเคมีเข้ามาปนเปื้อนจะไม่ค่อยสวยนัก เช่น ผิวของมะไฟจะมีคล้าย ๆ "ราดำ" เกาะตามผิวของเปลือก

แน่ล่ะ ปัจจุบันนี้จะทำอย่างไรก็แทบจะทำได้ทุกอย่าง บางสิ่งบางอย่างที่ทำไปแล้วก็ไม่มีใครออกมารับผิดชอบซะด้วยสิ  โดยส่วนใหญ่ของคนอยากขาย "มัก" จะใส่เยอะกว่าที่ควรเสียด้วย 

เพราะอะไร มันจะได้ "ดั่งใจ" มากที่สุด  อาจจะเป็น..เสียน้อยเสียยาก...เสียมากเสียง่าย  อาจจะนำคำโบราณที่เคยกล่าวไว้ว่า  "เจ้าของสวนมักจะไม่รับประทานสินค้าของตัวเอง" เนื่องจากมันสะสมสารเคมีเยอะเสียเหลือเกิน


เมื่อครั้งวันที่ 20 กรกฏาคม 2557 "สวนทับไทร" ของเราคราคร่ำไปด้วยกลุ่ม "กลิ่นกระวานบ้านสวน" ไปกระจุกกันอยู่ที่สวนนั้นอย่างคับคั่ง

บรรยากาศที่ผู้คนมากมายทำให้ความเงียบหายไป มีแต่ความครึุกครื้นและสนุกสนานเกือบทั้งวัน  เหล่าเด็ก ๆ ก็สนุกสนานที่ได้มาพบปะแหละร่วมทำงานกันที่สวนแห่งนี้  

วันก่อนเราเรียกว่า "เด็ก ๆ" แต่...วันนี้ เขาเหล่านั้นได้เติบโตกันขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตามาก  หากความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันยังมั่นคงเช่นเดิม


"น้องวิว" (ภาพด้านซ้ายมือ) ก็เติบใหญ่ไล่ ๆ กับพี่เข้ามาทุกทีแล้ว  (แล้วทำไมต้องรีบไล่พี่เขาเข้ามาเร็วนักล่ะ  มันจะไม่มีคนเล่นด้วยนะยะ)

ส่วน "น้องหลิว" (ภาพด้านขวามือ) นั้น ก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับ "น้องว่าน" และ "น้องนนท์")  บัดนี้เขาเริ่มที่จะนิ่ง ๆ และมีเหตุมีผลมากขึ้นกว่าสมัยเด็ก ๆ มาก

แม้อะไร ๆ จะเปลี่ยนไปเยอะแล้ว แต่..ความที่เด็กเหล่านี้เคยอยู่ด้วยกันมานาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากมายนัก

ด้าน "น้องนนท์" (ภาพด้านซ้ายมือ) นั้นรูปร่างใหญ่มากเหลือเกิน ไม่รู้แอบไปกินยาวิเศษอะไรจากที่ไหนรึเปล่า  หุ่นนี้ยังกะยักษ์วันแจ้ง

แต่ก็เห็นแอบกินอะไรที่บ่อยอยู่บ้าง สิ่งที่สนับสนุนให้โตมากนั้น อาจจะเป็นที่ "นมกล่อง" เป็นแน่แท้

เนื่องจาก...อยากให้เขามีรูปร่างที่เจริญเติบโตคล้าย ๆ คนญี่ปุ่น ดังนั้น..เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี "น้องนนท์" จึงมีรูปร่างที่ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้

น้องนนท์..เป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก เพราะพ่อได้สอนเขาไว้ตั้งแต่เล็ก ๆ และสามารถรับผิดชอบงานที่แบ่งให้ทำได้ ทำให้น้องนนท์รู้จักหน้าที่ของตัวเองและสิ่งที่ควรทำตั้งแต่เล็ก ๆ เลย สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถแบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ได้เป็นอย่างดี

"น้องว่าน"..(ภาพด้านขวามือ) นี่ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับน้องนนท์บ้างคือเป็นคู่ที่มักจะมีอะไร ๆ ให้หัวเราะเสมอเมื่อเจอกัน หากปัจจุบันรูปร่างของเขาก็อาจจะไม่ต่างกันมากนักนะ 55

สิ่งที่เขาจะแข่งกันปัจจุบันคือ ...ฝึกเล่นกีต้าร์...ด้วยกันแต่คนละแขนงวิชา  น้องนนท์..เป็นกีต้าร์คลาสสิค  ส่วน...น้องว่าน...กีต้าร์โฟล์ค

ก่อนนั้น วิ่งเล่น , หยอกล้อ ตามประสาเด็ก ๆ ปัจจุบันเริ่มมี "สาระ" ขึ้น 55 นั่นเพราะช่วงเวลามันได้ผ่านไปตามเหตุการณ์ของธรรมชาติ

ด้านเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันบ้าง  ในกลุ่มนี้จะมี "ป้าโฉม" (ภาพด้านซ้ายมือ) เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำกับข้าวให้เรารับประทานกัน

เนื่องจาก..ป้าโฉมมีฝีมือทำกับข้าวที่อร่อยมาก การออกกิจกรรมนอกบ้านเช่นนี้ป้าโฉมจะแสดงฝีมือให้กินกันซะเป็นส่วนใหญ่

เอกลักษณ์อีกอย่างของป้าโฉมน่ะรึ  หัวเราะลั่นป่าได้แบบสะใจมาก จนผมต้องขำเสียงหัวเราะของแกอีกทอดหนึ่ง

อีกมุมหนึ่งของแม่บ้านอีกท่านคือ "น้าวิ" (ภาพคนขวามือ) คนนี้ออกแนวเรียบ ๆ หน่อย..55.. จะสุขุมนุ่มลึก น้าวิ..จะทำกับข้าวด้วย แต่จะทำเมื่อป้าโฉมไม่ทำ ..จ้า...

มันเป็นความสุขทางใจของกลุ่มเราอย่างมากมาย ถึงแม้..จะเหนื่อยกาย...แต่สิ่งที่ได้ทำนั้นมันช่างหาความสุขใดมาเปรียบเทียบไม่ได้เลย

เสื้อที่...น้าวิ...ใส่นั้นแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่เราได้ซื้อสวนไว้และมาทำกิจกรรมร่วมกันเมื่อยามว่าง

สถานที่ที่ว่าดี ๆ ในเมืองไทยเราก็ได้ไปท่องเที่ยวมาแล้ว หากเราจะมีสถานที่ที่เป็นของตัวเองคงจะดีไม่น้อย  ความคิดนั้นจึงได้เป็นที่มาของการซื้อสวนของกลุ่มเรานั่นเอง

หลายปีแล้วที่เรามีปรับปรุงสถานที่ให้ดีขึ้น เพื่อมาพักผ่อนเมื่อยามต้องการ อาจจะมีเป้าหมายบ้างว่า...

เมื่อยามเกษียณจะไ้ด้มาอยู่ืที่นี่ก็เป็นได้ แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ต้องดูความเหมาะสมว่าอะไรพร้อม

กิจกรรมที่ได้ทำวันนั้นมีอะไรบ้างน่ะเหรอ  "คุณสุชาติ" (คนภาพทางขวามือ) ก็จะเทฐานรากสำหรับตั้งเสาไฟฟ้า ส่วนเสาไฟฟ้านั้นได้ตระเตรียมไว้ตั้งแต่บ้านที่ระยองแล้วแหละ

เมื่อนำมาถึงที่สวนก็เพียงแค่ตั้งเสาและปรับประดับความตรงของเสาเท่านั้น มันเป็นการวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เราจะทำอะไรเมื่อมาถึงสวน หากจะนำเครื่องมาทำที่สวนก็คงลำบาก

จึงต้องทำเป็นชิ้นส่วนให้เสร็จแล้วจึงนำมาประกอบที่หน้างานจะง่ายกว่า สิ่งที่อยากทำก็มีหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง นับตั้งแต่ถนนหนทางขึ้นสวน หรือบ้านพักของแต่ละคน รวมทั้งลานจอดรถที่เป็นหลักเป็นแหล่ง

ครั้งที่ไปสวนนะ "ย่า" (แม่ของกระผมเอง) ก็ไปด้วย ย่า...จะทำงานทุกอย่าง  ไม่เลือกว่างานอะไร สิ่งนี้ที่ทำให้ "ย่า" แข็งแรงไม่อ่อนแอ 

ซ้ำยัง "ใจสู้" ไม่ย่อท้อต่อการใช้แรงงานเลย  ไม่กลัวเหนื่อย นั่นเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเองและงานที่ทำ   หลาย ๆ คนที่อายุอานามใกล้เคียงกันจะไม่ค่อยทำงานแล้ว "กลัวเหนื่อย"

การที่ร่างการเราได้ทำงานนั้น สมองจะสั่งร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา และจะมีสารตัวหนึ่งที่จะหลั่งออกมาเพิ่มเมื่อร่างกายเราใช้หมด 

 จึงเป็นสาเหตุว่า...ทำไมเมื่อร่างกายเราใช้งานอยู่เป็นประจำ เราจะสามารถทำงานสิ่งนั้น ๆ ได้ยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ

ตรงกันข้ามกับ..บุคคลที่ถนอมร่างกายไม่ใช้งานเลย "ความอึด" ของร่างกายจะลดลงเรื่อย รวมทั้งความใหญ่โตของร่างกายก็จะเล็กลง ๆ  

นั่นเพราะเหตุว่า เมื่อสมองมันรับทราบว่า ร่างกายเกิดการพักผ่อนมาระยะเวลานานแล้ว ร่างกายส่วนนั้นไม่ต้องการทำงาน สมองก็จะสั่งการให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นค่อย ๆ ลดบทบาทลง

หลักการของร่างกายก็เป็นเยี่ยงนี้แล.....

ทุกครั้งที่เราจะไปสวน "ย่า" ก็จะไปทำงานด้วยกัน เช่น ไปเก็บผลไม้, ตัดหญ้า, ตัดแต่งกิ่งไม้

สิ่งเหล่านี้ถึงแม้จะเหนื่อย แต่...มันได้ความสุขกับคืนมา ร่างกายได้รับสารเอ็นโดรฟิน ปอดได้รับอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่น

ครั้น..เข้าสู่ช่วงเที่ยง เราต้องรับประทานอาหารกัน  หลาย ๆ คนก็มาตระเตรียมอาหารที่ได้ซื้อมารอไว้ตั้งแต่ที่เราเดินทางมาจากระยองแล้วล่ะ

อาหารต้องซื้อมาเตรียมไว้ หากจะมาทำเมื่อถึงเวลามันจะทำให้เวลาที่ทำงานมีน้อยลง จึงต้องจัดการด้วยวิธีนี้


ไก่ย่าง...นั่นเอง  และมี "ส้มตำ" และ "ข้าวเหนียว" ด้วย  โอ๊ว....ว มันเป็นอาหารที่กินกันที่สวนที่แสนจะอร่อยมาก

หลาย ๆ คนเมื่อมาร่วมทานอาหารด้วยกัน มันแสนช่างจะ "อร่อย" เหลือเกิน ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความเหน็ดเหนื่อยของร่างกายที่ได้ทำงานมาครึ่งวันด้วยมั้ง


มันเหมือนจะเป็นอาหารที่แสนธรรมด๊าธรรมดานะ แต่เอร็ดอร่อยมาก  บางคนก็ยืนกิน  ผมเองก็ยืนกิน  ดูแล้วมันแสนจะมีความสุขมาก

 หากจะกล่าวเพิ่มเติมในเรื่องของอาหารนั้น  ต้องยอมรับว่า "อาหารไทย" ของเรานั้นมีรสชาดที่ "อร่อยมาก" คนที่เคยได้ลิ้มรสของอาหารหลาย ๆ ชาติแล้วจะพูดและให้คำตอบออกมาในแบบฉบับเดียวกันว่า ...อาหารไทยอร่อยเป็นที่สุด


อาหารไทยจะได้ทั้งเรื่องของ "สมุนไพร" และ "ความจัดจ้าน" หรือ "ความอร่อย" ท้ายสุด "ความคุ้มค่า"

กลับมาเรื่องของสวนเราต่อ...บรรยากาศที่เกิดขึ้นวันนั้นมันช่าง "สุขสรรค์" เสียเหลือเกิน กลุ่มเราได้ร่วมพูดคุย ,เล่าเรื่อง ,แลกเปลี่ยนความรู้ของแต่ละบุคคล  ได้พูดหยอกล้อ มีเสียงหัวเราะ และได้เฮฮา...


หลายครั้งหลายคราที่เราก็มีกิจกรรมเช่นนี้  พักหลังอาจจะห่างเหินกันไปบ้างเพราะเด็ก ๆ ก็เริ่มเติบโตมากขึ้น

หมายความถึง เมื่อเด็กโตขึ้นแล้วเขาก็จะเรียนพิเศษวันเสาร์หรือวันอาทิตย์บ้างแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละคน


เมื่อทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว  ต่างคนก็แยกย้ายกันทำงานหรือหน้าที่ของตัวเองต่อ


คุณสุชาติ...ก็เทฐานเสาไฟฟ้าต่ออีก  โดยมี "ภรรยาที่แสนจะน่ารัก" ช่วยผสมปูน และมีลูก ๆ ที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ  (มันช่้างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก)

งานที่ต้องผสมปูนนี้ก็ถือว่าเป็นงานที่หนัก วัสดุก็ต้องซื้อมาจากภายนอก โดยซื้อระหว่างทางที่เราเดินทางมาสวนจันท์ 


ราคาของวัสดุก็อาจจะสูงกว่าปกติบ้าง คงต้องยอมบางสถานการณ์ที่จะต้องทำงานให้ลุล่วงไปด้วยดี

ส่วนตัวของ นาย..กระดิ่งทอง เองนั้น ก็ปลูกทุเรียนกันต่อครับ  วันนั้นซื้อไปอีกหลายต้นเลย ผลไม้อย่างอื่นก็ที่ซื้อไปปลูกเพิ่ม  อันได้แก่ ลำไย , มังคุด , เงาะ

ที่ซื้อไปครั้งนี้ใช่ว่าก่อนหน้านั้นจะไม่ได้ซื้อไปนะ  ในพื้นที่ 5 ไร่นั้นผลไม้คาดว่าจะซื้อไปปลูกแล้วซัก 100 ต้น แต่...ตายซะเยอะ

ด้านซ้ายมือคือ "ต้นทุเรียนพันธ์หมอนทอง"  ที่กระผมเองซื้อพันธ์นี้มาปลูก เนื่องจากว่า..มีชอบทานทุเรียนพันธ์นี้เป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลิ่น , รส และเนื้อของผลไม้ที่ถูกปากเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องต้นไม้ที่ซื้อไปปลูกทำไมถึงตายซะเป็นส่วนใหญ่  เรื่องราวที่ไปลองประมวลผลตั้งแต่อดีตรวมทั้งถามคนที่รู้ที่มีประสบการณ์ในเรื่องการปลูกต้นไม้หรือทำสวน มันเป็นเช่นนี้นะ  

เนื่องจากเราไม่มีความรู้เรื่องการปลูกต้นไม้เล็ก แหละไม่ค่อยได้ดูแลเมื่อปลูกแล้ว ทำให้มัน "เฉา" และ "เหี่ยวแห้ง" ไปในที่สุด

เหตุการณ์ของวันนั้น ฝนก็ตกมากเสียเหลือเกิน เดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุด ตกเสียจนเราเปียกปอนเกือบทั้งตัว เมื่อเราเปียกแล้วก็ไม่อยากจะเข้าร่ม

ก็ในเมื่อร่างกายเปียกแล้ว หากจะเข้าร่มไปรอให้ฝนหยุดตกมันก็คงมีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน  เว้นแต่ มีฟ้าผ่าเยอะ ๆ และแรง ๆ ตัวกระหม่อมเองก็จะไม่ออกไปตากฝน  ถ้ามีแต่กระแสฝนแค่นี้เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย...ย มาก

น้องวิว...หลังจากฝนหายตกได้ซักระยะ ก็เข้าไปช่วยงานคุณพ่อชาติอีกแรงหนึ่ง  (ช่างเป็นเด็กที่น่ารักซะจริง ๆ เลย)

ถึงแม้จะตัวเล็กนะ ..แต่..สู้งานมากเลยนะ คุณพ่อและคุณแม่ต้องปลื้มใจกับลูกวิวเป็นอย่างมาก

น้องวิว...คงอยากจะบอกว่า ...หนู ลูกชาวสวนนะพ่อ  และ  สวยด้วย ...555...

หลาย ๆ ปีที่ผ่านมา กลุ่มของเราตั้งใจที่จะมีสวนไว้เพื่อพักผ่อน หมายความถึง เดินทางมาพักผ่อนในสวนผลไม้ของกลุ่มเราเอง และจะมาพักค้างแรมกัน ณ. สวนแห่งนี้เมื่อมีเวลาพร้อม

จากที่ผ่านมาถือได้ว่า..ประสบความสำเร็จ..ได้ตามเป้าหมาย  หากแต่บางครั้งบางเวลาเรามีเวลาว่างไม่พร้อมกันก็อาจจะ "ว่างเว้น" ไปบ้างตามความเหมาะสม

และอีกส่ิ่งหนึ่งที่ตั้งใจกันไว้คือ  ปลูกบ้านพักไว้ให้เป็นที่อยู่อาศัย ครั้นเมื่อต้องการที่จะมาสวนก็จะได้นอนพักในบ้านน้อย ๆ ของตัวเองที่ปลูกสร้างใกล้กัน  

ปัจจุบัน...ก็มีแต่ของคุณสุชาติที่ก้าวหน้าไปไกลกว่าเพื่อน  ของคนอื่น ๆ นั้น "เล็ง ๆ" กันไว้เท่านั้น

ยิ่งของนาย..กระดิ่งทอง  ก็คงจะรออีกสักไม่เกิน 1 ปี เนื่องจากยังปลูกสร้างบ้านหลักยังไม่เสร็จนั่นเอง

ระหว่างที่รอหลายสิ่งหลายอย่างให้สำเร็จไปด้วยกันนั้น นาย..กระด่ิ่งทอง เองก็พยายามแวะเวียนไปที่สวนของเราบ้างเช่นกัน เช่น ไปตัดหญ้าบ้าง หรือเก็บผลไม้ตามฤดูกาลบ้าง

เนื่องจากว่า ถ้าจะไม่ไปดูสวนเลยมันจะไม่ดีต่อสถานที่และอาจทำให้ห่่างเหินจากสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก ส่วนลึกของความรู้สึกนั้น อยากพาครอบครัวไปพักผ่อนในสวนของเราเป็นอย่างมาก  แต่...ปัจจุบันภารกิจยังเยอะ เว้นแต่ครั้งใดว่าง ๆ พร้อมกันก็จะพากันมากทั้งครอบครัวเป็นแน่แท้

ถึงแม้กระผมจะแวะไปดูบ้างเพียงแค่เวลาชั่วโมงกว่า ๆ แต่ก็ทำให้กระผมภูมิใจกับสิ่งที่ได้เห็น  อากาศที่สดชื่น , ใบไม้ที่เขียวขจี มันทำให้กระผมหายเหนื่อยกับสิ่งที่เห็นซะจริง ๆ 

ได้เวลาบ่ายกว่า ๆ แล้วเราก็จะแยกย้ายกันเก็บผลไม้กลับบ้านกันแล้วล่ะคราวนี้  ผลไม้นั้นก็คือ "ทุเรียน" และ "ลองกอง" ครับ ทุเรียนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์หมอนทองนะ

ทะเรียนพันธุ๊นี้กระผมถือว่าเป็นที่นิยมคนคนที่ชอบบริโภคแน่ ๆ ล่ะ  เนีื่องจากมีรถหวาน และกลิ่นที่หอมมาก (คนที่ไม่ชอบทุเรียนจะกล่าวว่า เหม็นจนเวียนหัว) 


ทุเรียนพันธุ์หมอนทองในเมืองไทยตามท้องตลาดบ้านเราจะกิโลกรัมละประมาณ 60 บาท  ครั้งหนึ่งผมไปพบทุเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น พบว่าลูกละ 400 บาท ผลไม้เองลูกก็ไม่ใหญ่มากนะ ก็พอให้ซื้อเพื่อรับประทานแก้ต่อมอยากได้น่า

เป็นเรื่องปกติสำหรับสิ่งของที่ส่งออกไป หรือบางประเทศรับเข้ามาขาย ผลไม้ในถิ่นตัวเองราคาก็จะถูก เมื่อออกนอกฐานผลิตราคาย่อมสูงขึ้นตามการขนส่ง

ณ. หน้างาน "ป้าโฉม" ก็แกะทุเรียนกินกันตรงนั้นเลย เพราะเป็นของสวนเราเอง  จะได้สัมผัสถึงรสชาดว่าเอร็ดอร่อยมากแค่ไหน ..เป็นไปตามคาด "อร่อยมาก"

บนรถของคุณสุชาตินั้นมีทุเรียนอยู่มากมายเลยครับพี่น้อง
 มันเป็นทะเรียนที่แสนจะภูมิใจของเรามาก

 หลาย ๆ ครั้งที่เราเดายังไม่ถูกว่าช่วงไหนที่ทุเรียนจะสุกให้ทันกินพอดี เพราะว่าเราไม่ได้เดินทางไปสวนกันทุกอาทิตย์


จึงกลัวว่าหากทุเรียนมันสุกมาก ๆ ลูกทุเรียนจะร่วงหรือเละเกินกว่าที่จะกินได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงมันจะน่าเสียดายเป็นอย่างมากเลยนะ ก็เรามือสมัครเล่นดิ๊

ในความรู้สึกของผม ผมรู้สึกว่าผลไม้ที่เก็บชอบทานและง่ายต่อการเก็บคือทุเรียนนี่แหละ

ดูแลก็ง่าย, การเก็บเกี่ยวก็ง่าย, นับจำนวนก็ง่าย ,มีกลิ่นหอม ,จำนวนต้นก็ไม่ต้องมากมาย , รวมทั้งราคาก็ดี , เก็บไว้ได้นานด้วย

ผลไม้อื่น ๆ กระผมคิดว่ามันจะตรงกันข้ามกับทุเรียนแทบจะทุกเรื่อง
ดังนั้น ผลไม้อื่น ๆ กระผมจะลดจำนวนลง และทดแทนด้วยทุเรียนแทน

ส่วนผลไม้ของกระผมนั้นก็มีไม่น้อยเช่นกัน  ถึงอย่างไรเราก็แบ่ง ๆ กันไปกินให้ครบ ๆ ทุกครอบครัว ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีก็แล้วแต่คุณ เราจะกินและอิ่มด้วยกัน

เมื่อเก็บผลไม้ได้กันหมดแล้ว   เวลาที่เหลือเราก็จัดการสวนกันอีกหน่อย สวนมันจะได้สะอาดและเรียบร้อยสะอาดหูสะอาดตา

เลื่อยยนต์เครื่องนี้ ผมว่าใช้คุ้มมากนะ มันสามารถผ่อนแรงเราได้เยอะเลย ถึงแม้ว่าแรงมันจะน้อยไปแต่ก็บรรเทาแรงคนไปได้เยอะ

หากจะใช้อย่างอื่นตัดนะคุณ  "มือแตก" แน่ ๆ เพราะเราเองก็ไม่ได้มีอาชีพจับจอบจับเสียมเป็นหลักไง


ส่วนผมเองก็เดินสำรวจพื้นที่ของสวนบ้าง หาทำเลที่จะปลูกสร้างบ้านพักหลังน้อย ๆ ในสวน

จริง ๆ แล้วผมหาทำเลนานมากก็คงเป็นปีแล้วแหละ  แต่ด้วยความยัง
ไม่ลงตัวจึงตัดสินในยาก และที่ผ่าน ๆ มาสวนก็รก  ทำให้การหาทำเลจึงวกไปวนมา

สิ่งที่เกี่ยวข้องอีกคือ "ทางขึ้นมาบ้านพัก"  รวมทั้งทำเล "ที่จอดรถ" ด้วย จึงต้องหาเส้นทางและตำแหน่งให้คล้วองจองกัน


สำหรับ "คุณเสมอ" นั้นเดินสำรวจภายในสวนของเราและเขตสวนของเค้าเองด้วย  เพื่อตรวจความเรียบร้อยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

สิ่งที่จะปรับปรุงต่อไปนั้นมีอะไร ที่ผ่านมาคุณเสมอเองก็ไม่ค่อยได้เดินทางมาสวนซักเท่าไร สถานที่ที่ได้ปรับแต่งเพื่อสร้างบ้านหลังเล็กนั้นก็มีหญ้าขึ้นเยอะมากแล้ว (เท่าที่ผมไปดู)

ในครั้งต่อไปก็คงต้องตัดหญ้าออกบ้าง และดินบางส่วนน้ำฝนก็เซาะบ้างคงต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมเป็นแน่แท้

หลังจากกลับบ้านกันไปหนนี้ กระผมคิดว่าก็คงอีกนานแหละที่กลุ่มเราจะมาเยี่ยมสวนแห่งนี้ของเราอีกครั้ง   เมื่อมาสวนครั้งคราใดกระผมก็สุดแสนจะ "ภูมิใจ" เป็นอย่างยิ่ง


                                                      ...ต่อไปเชิญชมภาพประกอบครับ...



























ขอให้ทุก ๆ คนจงสุขภาพแข็งแรง...และ..รุ่งเรืองต่อ ๆ ไป....เด้อ

จาก....กระดิ่งทอง