วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไปเยี่ยมสวนจันทบุรี

หลังจากพักกาย พักใจ 3 เดือนเต็ม ที่ไม่ได้ไปสวนที่ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

วันนี้วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 นาย..กระดิ่งทอง จึงแวะไปชื่นชมสวนซะหน่อย

ระหว่างทางได้แวะซื้อกระเบื้องมาทำบ้านด้วย เนื่องจากของเก่าที่ "รื้อ" ออกแล้วปูใหม่ ทำให้มีกระเบื้องบางส่วนขาดหายไปไม่เต็มระบบ 

จำนวนที่ขาดไปนั้นก็มากโขอยู่  มีจำนวนถึง 14 แผ่น ก่อนหน้านั้น "ตระเวณ" หาซื้อในตัวจังหวัดระยอง และเมืองพัทยา  ปรากฎว่า ลายกระเบื้องที่ต้องการไม่มี  

เหตุเป็นเพราะ การขายกระเบื้องของบางร้านจะมีเฉพาะ เพราะร้านค้ามีอิสระที่จะสรรหากระเบื้องมาขายเอง 

ทำให้เมื่อต้องใช้กระเบื้องเพิ่มต้องลำบากกันหน่อย ครั้งนี้จึงซื้อมาเผื่ออีก 2 แผ่น เป็นจำนวน 16 แผ่น  ๆ ละ 155 บาท  ฉะนั้น เป็นเงิน 2480 บาท  ความที่ต้องเก็บเงินสดไว้ใช้งาน ทำให้ต้องจ่ายเป็นเงินล่วงหน้า หรือที่เรียกว่า ...ใช้บัตรเครดิตรูด...นั่นแหละ



ระหว่างเส้นทางที่เดินทางไปนั้นรู้สึกถึงมีความเปลี่ยนแปลงของสองข้างทางตลอดช่วงระยะ

เนื่องจากเส้นทางนี้กำลังถูกปรับปรุงเส้นทางให้กว้างขึ้น เืพื่อรองรับหลาย ๆ อย่างที่กำลังจะมาถึง

จากเดิมเป็นถนนแบบ 2 เลน (วิ่งสวนกัน) บัดนี้ความเจริญได้คืบคลานเข้ามาหา พร้อมกับรถราที่มีเยอะมากขึ้นทุก ๆ วัน 

ทำให้การสัญจรไปมาเริ่มช้าและติดขัด จึงต้องขยายเส้นทางให้ใหญ่โตขึ้นเป็นถนนขนาด 4 เลน (เรียกตามประสาเด็กบ้านนอก คนเมืองจะเรียกถนน 2 เลน)

สิ่งที่ทำให้แปลกตาไปคือ "ภูเขาย่อม" ด้านขวามือก่อนที่จะถึง "สวนตายาย" สิ่งที่มองเห็นแล้วนั้นมัน "โล่งเตียน" ไปหมดเลย จากก่อนที่เคยเป็นป่าที่รก ๆ  วันนี้ป่านั้นได้หายวับไปกับตา

สิ่งที่พอจะเห็นได้ชัดเจนคือ...ความเปลี่ยนแปลง...ตามกาลเวลา หากนับตั้งแต่เราเริ่มได้ตกลงเพื่อที่จะซื้อสวนนี้ เมื่อนับเวลาย้อนกลับไปคงเป็นเวลา 5 ปี มาแล้วสินะ

อีกไม่นาน...ความเจริญของเส้นทางนี้ก็จะใหญ่โตขึ้นไปเรื่อย ๆ  เหตุที่เส้นทางนี้ต้องพัฒนาให้ใหญ่โตจากเดิมนั้น เพราะความเจริญที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น

 
ประกอบกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อนที่จะต้องมีถนนวิ่งวนรอบประเทศด้วยขนาดช่องทาง 4 เลน (เรียกตามประสาชาวบ้าน) เส้นทางนี้จะเชื่อมจากจังหวัดจันทบุรีไปยังจังหวัดสระแก้วได้โดยตรง

ปัจจุบันรถขนส่งผัก , ผลไม้ก็วิ่งกันขวักไขว่มากเหลือเกิน หากไม่ขยายเส้นทางให้คล่อง เวลาใช้งานของรถที่วิ่งบนถนนก็จะมากขึ้น อุบัติเหตุคงจะมีมากขึ้นตามจำนวนรถ


ขับรถจากด่านทหารไปอีกซัก 3 กม. ก็จะถึงปากทางเข้าไปยังสวนของเราแล้ว  เรียกว่า ...ปากทางเข้าวัดชะแมบ...

สิ่งที่ได้พบเห็นหลังจากที่ไม่ได้มาสวนเมื่อกว่า 3 เดือนก่อนคือความเขียวขจีของต้นไม้ที่ตั้งอยู่ริมสองข้างทางและหญ้าที่ีงอกเร็วมากเหลือเกินเมื่อได้รับน้ำฝน



 ครั้นไปถึงสวนจันท์ ความเป็นธรรมชาติ ความเขียวขจีของใบไม้ เมื่อได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดทำให้รู้สึก "ปลอดโปร่ง" หรือ "โล่ง" ในปอดเสียจริง ๆ  บางกรณีอาจจะเรียกว่า ...โอโซน...เยอะมาก

น้ำในคลองที่มีสีส้ม ๆ ออกเหลืองแสดงว่ามีฝนตกก่อนหน้านี้มากเสียจนทำให้น้ำขุ่นและเป็นสีออกเหลืองและข้นได้ หน้านี้ก็หน้าฝนอยู่แล้วปริมาณน้ำฝนคงตกลงมาอย่างมากมายแน่ ๆ

หากจะย้อนไปดูปริมาณน้ำฝนที่สวนทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรีนั้น ปริมาณฝนถือว่ามีไม่ขาด หมายถึงต้องรักษาความอุดมสมบูรณ์ของปำไม้ไว้ด้วนฝนถึงจะไม่ขาดสาย

ฝนจะตกได้ก็ต้องอาศัยสิ่งอื่นด้วย ฝนไม่สามารถตกได้ตามลำพังหากต้นไม้ไม่ได้ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นของดินให้มากพอ แหละต้นไม้ยังรักษาธรรมชาติที่เหมาะสมให้กับโลกนี้เป็นที่น่าอยู่ด้วย



เส้นทางที่เข้าไปยังสวนของกลุ่มเรานั้นเกือบครึ่ง
เป็นซีเมนต์ และอีกครึ่งกว่าเป็นถนนดินแดง(ลูกรัง)  ทำให้มันมีความรู้สึกว่า เออ.....มันเป็นเส้นทางที่ธรรมชาติเสียจริง ๆ 

แถมยัง...ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อและมีน้ำท่วมขังที่บ่อเสียด้วย จึงทำให้รถโยกเยก ๆ ไปเกือบจะตลอดเส้นทาง
ก่อนหน้านั้นคงมีกระแสฝนที่ตกมาอย่างมากมาย ทำให้ต้นไม้ ใบหญ้าเขียวขจียิ่งนัก   อาจจะเรียกหญ้าว่า "รก" ก็ได้

ความรู้สึกดังที่แรกเห็น เมื่อว่างเว้นไป 3 เดือนเต็ม ๆ ด้วยกัน ทำให้บรรยากาศรอบด้าน "แปลกตา" ไปเช่นกัน

สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ชัดคือ ...ความเงียบสงบ... บางครั้งทำให้นึกคิดอะไร ๆ ได้ในสิ่งที่เคยนึกตั้งนานแต่คิดไม่ออก

ความเงียบทำให้เรามีสมาธิ แต่สิ่งที่รบกวนสมาธิของเราคือ "ยุง" มีเยอะเหลือเกิน ทำให้การนึกคิดอะไร ๆ ที่กำลังต่อเนื่อง "ขาดตอน" ไป

ครั้นจะใช้มีดไล่ฟันยุง มันก็ไม่กลัวซักกะนิดเลย  มันดื้อเสียจริง ๆ ยุงมันก็ตัวเล็กกว่าเราเน๊าะ  แต่มันก็ไม่เคยลดความพยายามที่จะหาอาหารจากเราซะเลย  ว่าแล้วจึงร่ายคาถา (ไม่มีหรอก)  ลืมเอายากันยุงไปนั่นเอง  55

 ตามภาพนั้น "หญ้า" ได้เจริญงอกงามขึ้นปกคลุมพิ้นดินที่ชุ่มชื้นแทบจะทุกพื้นที่ เนื่องจาก "น้ำ" ที่มีให้หญ้าได้ดูดดื่มขึ้นไปเลี้ยงทั้งดอกและใบได้อย่างสมบูรณ์

ดังนั้น...จึงเป็นเรื่องง่ายดายที่ต้นหญ้าจะเขียวขจีได้อย่างรวดเร็วไปพร้อม ๆ กับต้นยางและต้นไม้ชนิดอื่น ๆ ทีมีอยู่ในสวนของเรา


 ภาพด้านขวามือสามารถยืนยันได้ว่า
เส้นทางที่เราเคยนำรถขึ้นไปแบบเตียนเรียบ บัดนี้ "รก" อย่างเห็นได้ชัดมาก


ในใจคิดว่า...สวนที่ไม่มีคนดูแลมักจะเป็นลักษณะเช่นนี้แทบทุกหนทุกแห่ง  ยิ่งมีปริมาณน้ำฝนด้วยจะทำให้หญ้าโตเร็วเป็นยิ่งนัก หลาย ๆ แห่งหากไม่ได้เข้าไปดูแลห่างเป็นปี ๆ พื้นที่บริเวณนั้นจะกบลับไปเป็นป่าอย่างที่เคยเป็นในอดีต


ครั้นเมื่อเปรียบเทียบกับภาพเมื่อ 3 เดือนที่แล้วนั้นอาจจะตกใจว่า มันเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ

3 เดือนก่อนนั้น หาำกจะระบุว่าเป็นเดือน นั่นคือเดือนกรกฎาคม 2557 ช่วงนั้นเป็นฤดูของการเก็บเกี่ยวผลไม้ ...ทุเรียน... (หมายถึงทุเรียนที่ให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ


เราได้ทุเรียนไว้รับประทานสำหรับปีนี้เยอะมาก ภูมิใจที่สุดที่ได้เห็นทุเรียนในสวนเราเจริญเติมโตแบบไม่ต้องใช้ยาฉีดหรือยาเร่งใด ๆ

แม้กระทั่งหลาย ๆ จุดที่เราได้ตัดหญ้าไว้ เมื่อมองไปดูแล้วสถานภาพที่เห็นแทบจะไม่ต่างกัน อาจจะเรียกได้ว่า "ธรรมชาติขอคืน หากไม่ได้ใช้งาน"

เมื่อเดินขึ้นไปสู่ด้านบนของสวนเรา จะเห็นได้ชัดเจนว่า "หญ้า" รกเป็นอย่างมาก  ร่องรอยอารยธรรมต่าง ๆ ที่เคยได้ทำไว้มองแทบไม่เห็นเลย

ยุง...ก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่รบกวนงานสำรวจของเรา  วันนั้นไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวไปด้วย เนื่องจากไม่คิดว่าจะมียุงมากมายเช่นนี้

หากวันนี้ไม่มี "โครงสร้าง" บางจุดที่ปรากฎให้เห็น อาจจะประเมินได้ว่า "ร้าง" แน่ ๆ แต่เรายังมองเห็นโครงสร้างอะไร ๆ
บางอย่างไร เพราะหญ้าไม่ได้สูงมาก

ช่วง 3 เดือนของครอบครัวเราเอง ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนพื้นที่สวนแห่งเราตลอดทั้งสามเดือนเลย

ความคืบหน้าก็ทราบข่าวจากเพื่อน ๆ เราที่เ้ข้าเรา  คนที่จะมาสวนบ่อยเนื่ยก็คือ  "คุณสุชาตินั่นเอง"

ระหว่างนี้ครอบครัวของเราและทุก ๆ คนก็ "ยุ่ง" และ "พัลวัน" กับเรื่องใกล้ตัว  ทำให้ไม่มีเวลาที่จะมาพักผ่อนที่สวนพร้อม ๆ กันซักที

หากแต่...เมื่อใดที่มีเวลา "กลุ่ม...กลิ่นกระวานบ้านสวน" ของเราก็จะได้นัดหมายเพื่อมาพบปะสังสรรค์และร่วมพูดคุย หรือ นอน กันที่สวนทับไทรของเรานี่แหละ

บางครั้ง...ครอบครัวนี้ว่าง แต่อีกครอบครัวไม่ว่าง การนัดหมายก็จะ "คลาดเคลื่อน" ไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดเป็นว่า ใครว่าง ๆ ก็มีเยี่ยมสวนเราบ้าง เผื่อมีอะไรที่เปลี่ยนแปรงจะได้ทราบข่าวกัน


ช่วงนี้เดือนตุลาคม 2557 ในสวนเราเองยังมี "ทุเรียน" นี่แหละที่เป็นดอกเป็นผลให้เราสามารถรับประทานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

หากจะย้อนนับก็ซักเดือน กรกฎาคม 2557 นั่นแหละ สวนเราถือว่าออกผลล่าช้า  ทั้งนี้เนื่องจากว่า เราไม่ได้เร่งผลิตเพื่อนำไปขายนั่นเอง โดยปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน

ทุเรียนของสวนเราเมื่อโตเต็มที่สามารถนำมารับประทานได้ สวนคนอื่นที่อยู่รอบด้านเขาก็ "วาย" หรือ "หมดอายุขัย" ไปซะแล้ว

หรืออีกนัยหนึ่งคือ เขาทำเงินไปก่อนแล้ว  จริง ๆ ของเราไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อที่จะขาย เรามีเป้าหมายเพื่อจะนำไว้รับประทานเองเท่านั้น


แต่ที่เห็นมีนั้นก็ "แก้วมังกร" ของสวนคุณเสมอและป้าโฉม ซึ่งก็เห็นมีซัก 5 ลูกนั่นแหละ สี "แดงกร่ำ" เลย คงจะสุกงอมเต็มทน  หรือว่า "รอ" เจ้าของมาเก็บเกี่ยวก็ไม่ทราบ

มันเป็น "ความภูมิใจ" ของเจ้าของสวนเสียจริง ๆ  ที่ได้เห็นผลไม้ที่อยู่ในสวนเราได้ออกผลผลิตมาให้รับประทานตามฤดูกาลที่ควรจะเป็น

ครอบครัวเราได้เดินชมต้นไม้และเด็ดผลไม้ที่อยู่กับต้นเพื่อนำมารับประทานกัน มันทำให้เราภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก  ทั้งสนุกสนานและเฮฮา


แม้ว่า...ความสมบูรณ์ของผลไม้จะไม่สวยเหมือนที่อยู่บนท้องตลาด...แต่...ความสบายใจจะมีมาก เพราะผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยสารเคมีใด ๆ เลย


สถานที่ตั้งของสวนเรานั้นจะไม่ไกลมากนักจากสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัดจันทบุรี นั่นคือ "เขาสอยดาว"  นั่นเอง

เขาแห่งนี้มีความใหญ่โตมาก ในฤดูฝนหากเรามองไปยังเขาสอยดาวจะเห็นปุยเมฆลอยอยู่รอบ ๆ แนวเขาด้านล่าง



อาจจะมีบ้างที่ "นก" และ "สิ่งมีชีวิต" ต่าง ๆ มาจิกกินผลไม้ของเรา  ก็ถือว่า แบ่ง ๆ กันกิน เพราะครอบครัวเรากินเองซะหมดก็คงไม่ไหว   มันเป็นความภูมิใจซะอีกที่เห็นนานาสรรพสัตว์บินมาในสวนของเราให้เห็นอย่างใกล้ชิดโดยเราไม่ต้องไปหาชมให้ไกล


                       """ ต่อไปชมภาพนิ่งกันบ้าง"""



 









 เป็นภาพแห่งความภาคภูมิใจของทุก ๆ คนที่อยู่สวนนี้..ครับ..